×

สรุป 5 อุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุดในไทยปี 67 เผย Data Center-อิเล็กทรอนิกส์-EV เนื้อหอม ยอดลงทุนทะลุล้านล้านบาท สูงสุดรอบ 10 ปี

14.01.2025
  • LOADING...

เลขา BOI เผยยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนปี 2567 มูลค่ากว่า 1.13 ล้านล้านบาท 3,100 โครงการ สูงสุดในรอบ 10 ปี สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้ง BOI พลิกเกมให้ไทยขึ้นแท่นฐานผลิตอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค มองปี 2568 ไทยเข้าร่วมพันธมิตร BRICS สงครามการค้า มหาอำนาจทั้งจีน-สหรัฐฯ เตรียมรับคลื่นอุตสาหกรรมใหม่ย้ายฐานผลิตเพิ่ม เดินหน้าโรดโชว์ เร่งดึงดูดลงทุน เป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมมหาอำนาจขั้วต่าง ดึงดูดผู้เล่นหลักอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

 

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ปี 2567 ถือเป็นปีทองของการลงทุนอย่างแท้จริง และเป็นโอกาสครั้งสำคัญของประเทศไทยในการสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยในปี 2567 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุน โดยมีจำนวน 3,137 โครงการ เพิ่มขึ้น  40% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

 

“นับว่าเป็นยอดจำนวนโครงการที่สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง BOI และมีมูลค่าเงินลงทุน 1,138,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% สูงสุดในรอบ 10 ปี”

 

มูลค่าอุตสาหกรรมเป้าหมายเงินลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก

 

  • อุตสาหกรรมดิจิทัล 243,308 ล้านบาท 150 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการ Data Center และ Cloud Service โดยบริษัทชั้นนำจากทั้งสหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และไทย เงินลงทุนรวมกว่า 2.4 แสนล้านบาท นอกจากนี้จะเป็นกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล และดิจิทัลคอนเทนต์
     
  • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 231,710 ล้านบาท 407 โครงการ กิจการที่มีการลงทุนสูง เช่น การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) และวัตถุดิบสำหรับ PCB จำนวน 83 โครงการ เงินลงทุนรวม 86,426 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการผลิตชิป (Wafer) การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ (IC Design) การประกอบและทดสอบเซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวม การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ
     
  • อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 102,366 ล้านบาท 309 โครงการ ประกอบด้วยโครงการลงทุนผลิตรถยนต์ EV และ ICE โดยค่ายญี่ปุ่น จีน และยุโรป การผลิตยางล้อรถยนต์ ยางล้ออากาศยาน ระบบอัจฉริยะในรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ
     
  • อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร 87,646 ล้านบาท 329 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการผลิตอาหาร เครื่องดื่มและสิ่งปรุงแต่งอาหาร กิจการผลิตอาหารสัตว์ กิจการผลิตน้ำมันหรือไขมันจากพืชหรือสัตว์ กิจการผลิตบรรจุภัณฑ์จากผลผลิตหรือเศษวัสดุทางการเกษตร กิจการขยายพันธุ์สัตว์และเลี้ยงสัตว์
  • อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 49,061 ล้านบาท 235 โครงการ ส่วนใหญ่เป็นการผลิตเคมีภัณฑ์ พอลิเมอร์ชนิดพิเศษ พลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม และบรรจุภัณฑ์ชนิดหลายชั้น   

 

 

Screenshot

 

กิจการอื่นที่มีการลงทุนสูงและมีความสำคัญต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ 

 

  • กิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนหรือขยะ 114,484 ล้านบาท 515 โครงการ
  • กิจการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติ และเครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง 39,162 ล้านบาท 174 โครงการ  
  • กิจการผลิตอุปกรณ์การแพทย์และบริการทางการแพทย์ 18,237 ล้านบาท 92 โครงการ
  • การขอรับการส่งเสริมตามมาตรการยกระดับอุตสาหกรรม (Smart and Sustainable Industry) ช่วยรายเดิมให้สามารถปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 407 โครงการ เงินลงทุนรวม 35,560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน เปลี่ยนเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติมาใช้ในสายการผลิต 

 

สิงคโปร์แชมป์ FDI

สำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เองก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 2,050 โครงการ เพิ่มขึ้น  51% เงินลงทุนรวม 832,114 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  25% โดยประเทศ/เขตเศรษฐกิจที่มีมูลค่าขอรับการส่งเสริมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 

 

  1. สิงคโปร์ 357,540 ล้านบาท 305 โครงการ   
  2. จีน 174,638 ล้านบาท 810 โครงการ 
  3. ฮ่องกง 82,266 ล้านบาท 177 โครงการ
  4. ไต้หวัน 49,967 ล้านบาท 126 โครงการ
  5. ญี่ปุ่น 49,148 ล้านบาท 271 โครงการ 

 

สำหรับสหรัฐอเมริกามีเงินลงทุน 25,739 ล้านบาท 66 โครงการ แต่หากนับรวมตัวเลขที่ลงทุนผ่านสิงคโปร์แล้วจะมีมูลค่ารวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการลงทุนของสิงคโปร์ที่สูงขึ้นมาก เกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทที่มีบริษัทแม่สัญชาติจีนและอเมริกา     

 

ส่วนในแง่พื้นที่ เงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก 573,066 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ภาคกลาง 392,267 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 71,591 ล้านบาท ภาคเหนือ 42,525 ล้านบาท ภาคใต้ 37,215 ล้านบาท และภาคตะวันตก 21,843 ล้านบาท ตามลำดับ

 

สำหรับสถิติการออกบัตรส่งเสริม หลังจากที่ BOI อนุมัติโครงการแล้ว บริษัทต้องมายื่นเอกสารด้านการเงินและการจัดตั้งบริษัทเพื่อออกบัตรส่งเสริม ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใกล้เคียงการลงทุนจริงมากที่สุด โดยในปี 2567 มีการออกบัตรส่งเสริมจำนวน 2,678 โครงการ เพิ่มขึ้น 47% เงินลงทุน 846,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% เป็นสัญญาณที่ดีว่าในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินลงทุนจริงจำนวนมากเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ

 

“ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทายจากสงครามการค้าและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก ประเทศไทยได้พิสูจน์ให้เห็นถึงจุดแข็งในการเป็นแหล่งรองรับการลงทุนที่มีความเป็นกลางและน่าเชื่อถือของภูมิภาค โดยมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มนักลงทุนหลักอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และยุโรป ก็ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในไทย” นฤตม์ย้ำ

 

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ที่รองรับเทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูง ยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้จะมีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ช่วยต่อยอดฐานอุตสาหกรรมเดิมให้มั่นคง สร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างงาน และสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย 

 

“โครงการที่ได้รับการส่งเสริมในปีที่ผ่านมา มีการจ้างงานบุคลากรไทยเพิ่มกว่า 2.1 แสนคน จะใช้วัตถุดิบและชิ้นส่วนในประเทศกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี และจะเพิ่มมูลค่าส่งออกของประเทศอีกกว่า 2.6 ล้านล้านบาทต่อปี” นฤตม์กล่าว 

 

ภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า BRICS ท้าทาย ชี้เป็นโอกาสของไทย

 

นฤตม์กล่าวอีกว่า แนวโน้มการลงทุนในปี 2568 จะยังคงเติบโตต่อและยังเป็น ‘ปีแห่งโอกาส’ ที่ประเทศไทยจะสามารถดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 

 

“แม้ปีนี้ ภูมิรัฐศาสตร์ สงครามการค้า นโยบายสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ และการกีดกันทางเทคโนโลยีที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้นักลงทุนต้องเร่งเคลื่อนย้ายฐานการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง จุดนี้ไทยพร้อมและมีศักยภาพในหลายๆ ด้าน ที่สำคัญมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนานาประเทศ เป็นกลาง สามารถเป็นสะพานเศรษฐกิจเชื่อมโยงซัพพลายเชนให้กับมหาอำนาจขั้วต่างๆ ได้ นักลงทุนจึงมองไทยเป็นแหล่งลงทุนที่มั่นคง ปลอดภัย และมีความโดดเด่นในภูมิภาค รวมถึงกรณีที่ไทยมีสถานะเป็นหุ้นส่วนพันธมิตร BRICS ก็จะยิ่งเป็นโอกาส”

 

ทิศทางส่งเสริมลงทุนปี 2568 เจาะอุตสาหกรรมชิป-EV-เทคขั้นสูง 

 

BOI จะเดินหน้าดึงการลงทุนเพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมแห่งอนาคต และสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และชิ้นส่วนสำคัญ แบตเตอรี่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ เทคโนโลยี AI และดิจิทัลขั้นสูงและเทคโนโลยีชีวภาพควบคู่ไปกับจุดแข็งอุตสาหกรรมและบริการ อย่างเกษตรและอาหาร พลังงานสะอาด การแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยว กิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ทั้งสำนักงานภูมิภาค (Regional Headquarters) ศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กระจายสินค้า และศูนย์กลางจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนระหว่างประเทศ 

 

รวมถึงเดินหน้าภารกิจระดับชาติ 2 คณะ คือคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ดเซมิคอนดักเตอร์) และคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ซึ่งจะออกมาตรการสนับสนุนให้เอื้อต่อการลงทุน ดึงผู้ประกอบการไทยให้เข้าไปอยู่ในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมระดับโลก โดยเฉพาะเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์ของนักลงทุนญี่ปุ่น และปีนี้จะมีการเปิดโรงงานของยักษ์ใหญ่ EV จีนคือ CHANGAN

 

เดินสายโรดโชว์จีบบิ๊กคอร์ป ดึงดูดผู้เล่นหลัก ‘เซมิคอนดักเตอร์’ 

 

ปีนี้ BOI มีแผนจัดทัพบุกประเทศเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมองหาตลาดใหม่ๆ ในอินเดีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อดึงการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งต่อยอดฐานอุตสาหกรรมสำคัญในประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

 

“ในอนาคตไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนของสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ สนใจลงทุนไทยต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกรณีของจีนมาลงทุนในไทยมากขึ้นเพื่อเลี่ยงกำแพงภาษีนโยบายสหรัฐฯ นั้น BOI มองว่าเป็นโอกาสทั้งสิ้น หลังจากนี้จะเดินทางไปดาวอส พบปะนักลงทุนเป้าหมาย โรดโชว์ในญี่ปุ่น อินเดีย และสหรัฐฯ ที่สำคัญคือดึงดูดผู้เล่นหลักคือเซมิคอนดักเตอร์ให้มากที่สุด”

 

ภาพ: Janiecbros / Getty Images

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X