เทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ทุกคนยากที่จะปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจให้คุ้นชินมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่โลกของการลงทุน ซึ่งบางคนอาจจะเพียงเพิ่งเริ่มต้นศึกษาและทดลองลงทุนในสินทรัพย์การลงทุนดั้งเดิม
ซึ่งที่ผ่านมาเงินลงทุนส่วนมากก็จะถูกกระจายไปในสินทรัพย์อย่างหุ้น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยตัวเองหรือการลงทุนผ่านกองทุนรวมก็ตามที
แต่โลกของการลงทุนในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นั้นอีกต่อไป สินทรัพย์การลงทุนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาท่ามกลางเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนได้ชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ซึ่งเริ่มแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง โดยเฉพาะในส่วนของสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency ที่หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างก่อนหน้านี้
นอกจาก Cryptocurrency แล้ว Digital Assets ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘โทเคนดิจิทัล’ หรือ ‘Digital Token’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น และจะเป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มใหม่ที่บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กำลังพัฒนาร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรืองโรจน์ พูนผล ประธานบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวในระหว่างงาน Thai Digital Asset Ecosystem, Where Financial and Real Sectors Become One ว่าการพัฒนาแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลครบวงจรด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน หรืออาจจะเรียกว่า Distributed Ledger Technology (DLT) จะช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจมีทางเลือกในการระดมทุน ในขณะที่นักลงทุนก็จะมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น
หากย้อนกลับไปมองวิสัยทัศน์ของกลุ่มธนาคารกสิกรไทยที่ว่า To Empower Every Customer’s Life and Business หรือ ‘เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับชีวิตและธุรกิจของลูกค้าทุกคน’ บริษัทจำเป็นที่จะต้องช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอที่มีความสมดุลด้วยการช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงและบริหารจัดการความมั่งคั่งของตัวเองได้อย่างเท่าเทียม (Democratized Investment) ในทุกๆ รูปแบบสินทรัพย์ ทั้งการออม การลงทุน และประกัน
“KBTG คาดว่าแพลตฟอร์มนี้จะเป็น ‘ตลาด’ ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าตลาดเพื่อการลงทุนในปัจจุบัน ด้วยการออกแบบหน่วยลงทุนที่มีการผสมผสานระหว่างหุ้น หุ้นกู้ และกองทุน ที่สามารถให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่ผู้ลงทุนนอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินได้ ทำให้การลงทุนในโทเคนที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (Asset-Backed Token) มีความน่าสนใจอย่างมาก และเชื่อว่าการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของโลกการระดมทุนและการลงทุนในประเทศไทยภายใน 2-3 ปีข้างหน้า” เรืองโรจน์กล่าว
อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้คือการสร้างสินทรัพย์ใหม่ ซึ่งช่วยลดข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุน (Barriers to Entry) อย่างที่เราสามารถเห็นได้จาก Digital Assets ในต่างประเทศ เช่น โทเคนของโรงแรม St. Regis Aspen Resort ในสหรัฐฯ หรือแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า Blockimmo ในสวิตเซอร์แลนด์ ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าไปเลือกลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มได้หลากหลายมากขึ้น
ขณะที่ ญาณวิทย์ รักษ์ศรี Senior Principal Visionary Architect บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) อธิบายถึงจุดเด่นของแพลตฟอร์มที่จะสร้างขึ้นมาใหม่นี้ โดยจะใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นเหมือนซอฟต์แวร์ชนิดหนึ่ง
หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้นก็เหมือนกับการที่ทุกคนลงโปรแกรม Excel ซึ่งมีความสามารถพิเศษคือทุกคนที่ลงโปรแกรมจะเห็นข้อมูลเดียวกันทั้งหมด และไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้
นอกจากนี้ระบบยังอนุญาตให้เขียนสัญญาอัจฉริยะเหมือนการผูกสูตรใน Excel โดยสัญญานี้จะช่วยยืนยันความถูกต้องของแต่ละธุรกรรม (Transaction) ได้ ทำให้บล็อกเชนได้รับความน่าเชื่อถือในช่วงที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง และต้องใช้ความเข้าใจมาก รวมถึงมีความผันผวนค่อนข้างรุนแรง อย่างบิตคอยน์ที่เคยมีราคาสูงถึง 7 แสนบาทก็เคยลดลงมาเหลือเพียง 3 แสนบาท เพราะฉะนั้นเราจึงอยากพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์ที่แท้จริงหนุนหลังอย่างโทเคน ซึ่งประโยชน์ของมันจะไม่ได้มีแค่ส่วนต่างราคา (Capital Gain) แต่อาจจะมีประโยชน์ด้านอื่นด้วย เช่น สิทธิพิเศษจากการใช้บริการของสินทรัพย์จริงๆ ที่โทเคนอิงอยู่” ญาณวิทย์กล่าว
ด้าน กิตติ สุทธิอรรถศิลป์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้าสำนักผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะตัวของโทเคน ซึ่งสามารถบูรณาการฟังก์ชันที่สำคัญของสินทรัพย์โดยทั่วไปเข้ามารวมไว้ในที่เดียว คือเพื่อการลงทุน (Investment) เพื่อการชำระราคา (Payment) และเพื่ออรรถประโยชน์ (Utility) ทำให้โทเคนมีลักษณะเป็นสินทรัพย์ลูกผสม (Hybrid Asset)
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ KBTG มีวิสัยทัศน์เดียวกันคือเราต้องการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงๆ หนุนหลังอยู่เท่านั้น ไม่เหมือนกับสินทรัพย์อย่างบิตคอยน์ ซึ่งเราตัดออกไปตั้งแต่วันแรก เพราะเราไม่รู้ว่าสกุลเงินดิจิทัลสามารถประเมินมูลค่าที่แท้จริงได้อย่างไร และเราไม่อยากให้เป็นภาพของการเก็งกำไรเท่านั้น โดยแพลตฟอร์มนี้จะพร้อมให้บริการภายในปี 2565” กิตติกล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์