เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) วันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ. ยังคงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการลงทุน สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ตามนโยบายรัฐบาล Thailand 4.0 อีกทั้งเร่งแก้ปัญหาสินค้าไม่ได้มาตรฐานในท้องตลาดให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
โดยผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 – มิถุนายน 2562 ที่ สมอ. เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจตราสินค้าในท้องตลาด ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในด้านการคุ้มครองผู้บริโภค พบว่า มีผู้ประกอบการมาขอใบอนุญาตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 7,437 ฉบับ เมื่อเปรียบเทียบกับผลงาน 9 เดือนของปีที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 2,585 ฉบับ คิดเป็น 54.63%
นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า มีผู้ประกอบการทำผิดกฎหมายลดลงกว่าเท่าตัว เห็นได้จากมูลค่าการยึดอายัดผลิตภัณฑ์และการทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ยึดอายัดไว้ให้สิ้นสภาพ โดยปี 2561 มีผู้กระทำความผิดจำนวน 175 ราย มูลค่าการยึดอายัด 2,066.6671 ล้านบาท และปี 2562 มีผู้กระทำความผิดจำนวน 74 ราย มูลค่าการยึดอายัด 1,430.8958 ล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้ง 2 ปี จะพบผู้กระทำผิดรวม 249 ราย มูลค่าการยึดอายัดราวๆ 3.4 พันล้านบาท แต่ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขจากทั้ง 2 ปี จะพบว่า ยอดผู้ทำผิดมีจำนวนมูลค่าการยึดอายัดลดลง 635.7713 ล้านบาท และมีผู้กระทำความผิดลดลงถึง 101 ราย
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากที่ สมอ. ดำเนินการอย่างเข้มงวดกับผู้ประกอบการที่ละเมิดกฎหมาย โดยจัดตั้งทีมเฉพาะกิจด้านการปราบปรามสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ลงตรวจสอบอย่างเข้มข้นในท้องตลาด และร้านค้าออนไลน์ด้วย อีกทั้งยังได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้มีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์และนโยบายรัฐบาลที่จะลดขั้นตอนการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจตามนโยบาย Ease of Doing Business ของรัฐบาล ซึ่งได้มีการเพิ่มโทษสำหรับผู้ทำ นำเข้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมาตรฐานบังคับด้วย เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการกระทำความผิดลดลงอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากผลการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีจิตสำนึกในเรื่องคุณภาพมาตรฐานมากขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการผลิต สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีผลิตภาพ (Productivity) เพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างบรรยากาศธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยไม่ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน” วันชัย พนมชัย กล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: Royal Thai Government
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: