×

ทิสโก้แนะเฟ้น ‘หุ้นกลาง-เล็ก’ เพิ่มผลตอบแทนพอร์ตหุ้นไทย ดักดัชนีครึ่งปีหลังลุ้นแตะ 1,650 จุด

05.04.2021
  • LOADING...
ทิสโก้แนะนำ

บลจ.ทิสโก้ ประเมินเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,600 จุด และมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีสิ้นปีหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด ดังนั้นหากหุ้นไทยเกิดการปรับฐานก็เป็นโอกาสในการลงทุนและปรับพอร์ตการลงทุน โดยผู้ลงทุนอาจเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนี ด้วยการเลือกลงทุนในกองทุนที่มีกลยุทธ์ที่น่าสนใจและมีผลตอบแทนในอดีตที่ดีอย่างต่อเนื่อง 

 

สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมองเป็นตลาดที่เหมาะกับการเทรดดิ้ง หรือต้องมีการปรับพอร์ตตลอดเวลา โดยภาพรวมการลงทุนจากนี้จนถึงสิ้นปีมองกรอบดัชนีอยู่ที่ 1,600-1,650 จุด ภายใต้คาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 80 บาท

 

โดยในช่วงครึ่งปีแรก ดัชนีระดับที่เหมาะสมคือ 1,600 จุด และครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก โดยปัจจัยที่ต้องติดตามคือการกระจายวัคซีนภายในประเทศไทยว่าจะรวดเร็วแค่ไหน เนื่องจากจะส่งผลต่อการเปิดประเทศและการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ 

 

“หากบริหารจัดการด้านการกระจายวัคซีนได้เร็วและมีประสิทธิภาพ ดัชนีจะตอบรับในเชิงบวกอย่างรวดเร็ว และจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงฟันด์โฟลวที่จะไหลกลับเข้าประเทศไทยด้วยเช่นกัน เนื่องจากเมื่อกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การเปิดประเทศก็น่าจะทำได้ตามที่คาดไว้ และเมื่อภาคการท่องเที่ยวกลับมา ตลาดหุ้นไทยก็จะได้รับสปอตไลต์อีกครั้งหนึ่ง” 

 

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทย แนะนำให้ลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ในช่วงที่ทิศทางการลงทุนยังไม่มีทิศทางชัดเจน โดยเฉพาะในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก กลุ่มพาณิชย์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์

 

รวมถึงให้เลือกลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพาณิชย์ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 

 

“จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังไม่ไปไหน ทั้งในแง่ของดัชนีและกำไร เนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นไทยมีธุรกิจที่อยู่ใน New Economy หรือ Innovation ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะขับเคลื่อน GDP โลก” 

 

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกรวมถึงประเทศไทยต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาด โดยปัจจัยลบดังกล่าวได้กดดันให้ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ติดลบราว 5.24% สาเหตุเพราะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจ และมีสัดส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากวิกฤตดังกล่าวค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกันนี้ กองทุนหุ้นไทยของ บลจ.ทิสโก้ หลายกองทุนยังคงสามารถให้ผลตอบแทนเป็นบวกสวนทางกับตลาดโดยรวมได้  

 

สำหรับกองทุนหุ้นไทยที่เป็นดาวเด่นของ บลจ.ทิสโก้ ในปีที่ผ่านมา มี 2 กองทุน คือ

 

  1. กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ ชนิดหน่วยลงทุน A (TSF-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่ดี กองทุนนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นกองทุนที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องกลยุทธ์การลงทุน สามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก และปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นด้วยวิธี Bottom Up จากนั้นจึงวิเคราะห์และคัดสรรจนเหลือหุ้นที่จะลงทุนเพียง 10-15 ตัว 

 

  1. กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ ชนิดหน่วยลงทุน A (TISCOMS-A) ความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 80,000 ล้านบาท โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้กลยุทธ์การเลือกหุ้นแบบ Bottom Up เป็นหลัก ประกอบกับใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณมาประยุกต์ในอีกทางหนึ่งเพื่อเพิ่มโอกาสผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งในปี 2563 กองทุน TISCOMS-A มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 14.1% มากกว่าดัชนีชี้วัด SET TRI ที่ในช่วงเวลาเดียวกันมีผลตอบแทนติดลบ 5.24% หรือสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 19%
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising