วันนี้ (5 กรกฎาคม) เมื่อเวลาประมาณ 03.10 น. มีรายงานรับแจ้งเหตุระเบิดและพบเพลิงไหม้ ภายในโรงงานผลิตโฟมแห่งหนึ่งในซอยกิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งทราบภายหลังคือ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด
THE STANDARD สรุปเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งมีความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันที่ผ่านมา
18.00 น.
ศูนย์ติดตามสถานการณ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์ล่าสุด เปิดเผยว่า จังหวัดสมุทรปราการได้ตั้งจุดอพยพกรณีเหตุไฟไหม้โรงงานพลาสติก ซอยกิ่งแก้ว 21 จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 7 จุด THE STANDARD ลงพื้นที่โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์ หนึ่งในจุดรับผู้อพยพจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ดำเนินการจัดสรรห้องสำหรับแต่ละครอบครัวให้พักผ่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะที่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อในรัศมีระยะ 5 กิโลเมตร ปิดทำการทั้งหมด
ล่าสุดจุดอพยพทั้ง 7 จุด มีผู้อพยพจำนวน 1,120 คน โดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพลีใหญ่ ได้ให้การดูแลประชาชนผู้อพยพในเบื้องต้น
ด้านสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการได้เข้าดูแลตามมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ปภ. ได้ส่งรถประกอบอาหารและรถผลิตน้ำดื่มจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี เข้าดูแลร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกแจกจ่ายแก่ผู้อพยพที่ อบต. บางพลีใหญ่และวัดบางพลีใหญ่กลาง
17:00 น.
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเหตุเพลิงไหม้ โรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวถึงสถานการณ์เหตุเพลิงไหม้
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการระบุว่า เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันนี้ (5 กรกฎาคม) ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเข้าไปควบคุมสถานการณ์อย่างเต็มที่ แต่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เนื่องจากเชื้อเพลิงเป็นสารเคมี จึงต้องใช้โฟมเข้ามาดับไฟ โดยโฟมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานรวมกว่า 66,000 ลิตร
ซึ่งขณะเวลาประมาณ 15.00 น. เฮลิคอปเตอร์ที่ทำหน้าที่โปรยสารเคมีทางอากาศได้ออกปฏิบัติการแล้ว 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินละ 3,000 ลิตร ซึ่งจากการปล่อยโฟมทั้ง 2 เที่ยวบิน พบว่า สถานการณ์เริ่มดีขึ้น จึงคาดว่าอีก 6 เที่ยวบินน่าจะสามารถควบคุมเพลิงทั้งหมดไว้ได้
ด้าน ประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันว่า จำนวนสารเคมีในถังเคมีภัณฑ์บ่อที่ 2 มีเพียง 20,000 ลิตร ไม่ใช่ 500,000 ลิตร ตามที่มีกระแสข่าวออกไปก่อนหน้านี้
ขณะที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า ขณะนี้สั่งการให้กรมแรงงานอุตสาหกรรมพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมขอความร่วมมือประชาชนห้ามกลับเข้าบ้านเรือนในช่วงเวลานี้จนกว่าเจ้าหน้าที่จะแจ้ง เนื่องจากพบว่าสารเคมีที่ถูกเพลิงไหม้ ได้แก่ ไบเทน และสารสไตรลีน มีความเป็นพิษสูง และเป็นอันตรายต่อประชาชน เพราะเป็นสารก่อมะเร็งในระยะยาว
สุริยะยังกล่าวถึงกรณีมีหลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดโรงงานนี้จึงตั้งอยู่บริเวณชุมชน ซึ่งความจริงแล้วโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณนี้โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2532 ในขณะที่ขอใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานดังกล่าวยังไม่มีชุมชนเกิดขึ้น แต่หลังจากที่โรงงานเริ่มดำเนินการ ชุมชนเกิดตามขึ้นมาภายหลัง
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ทำให้โรงงานโดยรอบต้องปิดตัวและหยุดเดินเครื่องจักรอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีการประเมินความเสี่ยงจากเจ้าหน้าที่ว่ามีความปลอดภัยแล้ว แบ่งเป็นรัศมี 5 กิโลเมตร มีโรงงานอุตสาหกรรม 301 โรง 7.5 กิโลเมตร มี 257 โรงงาน ส่วนระยะรัศมี 10 กิโลเมตร มี 562 โรงงาน ส่วนชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร มี 243 ชุมชน
15.30 น.
Hsu cheng-chung อายุ 54 ปี ผู้จัดการโรงงานหมิงตี้ฯ เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ จากการสอบถามเบื้องต้นแจ้งว่าตนเองทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเกี่ยวกับการผลิตทั้งหมดของบริษัทก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 03.00 น. เศษ ขณะที่นอนหลับอยู่ที่ห้องพักซึ่งอยู่ติดกับบริษัทฯ ได้มีคนงานมาเรียกและแจ้งว่ามีสารเคมีรั่วไหลจึงรีบลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปตรวจสอบภายในบริษัทฯ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้เนื่องจากกลิ่นสารเคมีรุนแรงจึงได้วิ่งหลบหนีจนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดดังกล่าว
Hsu แจ้งว่าก่อนเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวที่บริษัทฯ มีวัตถุดิบที่เก็บไว้ใช้สำหรับผลิตเม็ดโฟมเม็ดพลาสติกดังนี้
- เพนเทนประมาณ 60-70 ตัน
- สไตรีนโมโนเมอร์ประมาณ 1,600 ตัน
- น้ำประมาณ 300 ตัน
เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการรั่วไหลของสารเคมี
ประกอบ วิวิธจินดา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันว่า จำนวนสารเคมีในถังเคมีภัณฑ์บ่อที่ 2 มีเพียง 20,000 ลิตร ไม่ใช่ 500,000 ลิตร ตามที่มีกระแสข่าวออกไปก่อนหน้านี้
ณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนชาว จ.นครนายก และ จ.ฉะเชิงเทรา หลีกเลี่ยงนำน้ำฝนมาบริโภคช่วงหนึ่งถึงสองวันนี้ เสี่ยงได้รับอันตรายจากการปนเปื้อนสารเคมี เหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ จ.สมุทรปราการ
เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้ทำให้โรงงานโดยรอบต้องปิดตัวและหยุดเดินเครื่องจักรอย่างไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีการประเมินความเสี่ยงจากเจ้าหน้าที่ว่ามีความปลอดภัยแล้ว แบ่งเป็นรัศมี 5 กิโลเมตร มีโรงงานอุตสาหกรรม 301 โรงงาน รัศมี 7.5 กิโลเมตร มี 257 โรงงาน ส่วนรัศมี 10 กิโลเมตร มี 562 โรงงาน ส่วนชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร มี 243 ชุมชน
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ระบุว่าโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในบริเวณนี้โดยเริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2532 ในขณะที่ขอใบอนุญาตการประกอบกิจการโรงงานดังกล่าวยังไม่มีชุมชนเกิดขึ้น แต่หลังจากที่โรงงานเริ่มดำเนินการชุมชนเกิดตามขึ้นมาภายหลัง
15.00 น.
เฮลิคอปเตอร์ KA-32 ซึ่งกองทัพบก (ทบ.) ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ส่งเข้าสนับสนุนภารกิจระงับเหตุไฟไหม้ ได้ขึ้นบินเที่ยวแรกเพื่อโปรยทิ้งโฟมดับเพลิงบริเวณจุดที่ตั้งโรงงานพลาสติก โดยจะวางแผนและประเมินสถานการณ์การขึ้นบินเป็นระยะ ซึ่งนักบินขอปรับแผนเป็นการเทโฟม 300 ลิตรผสมน้ำ 3,000 ลิตรโปรยโฟมแบบเต็มพื้นที่ พร้อมสนธิกำลังกับหน่วยงานภาคพื้นดินเข้าฉีดพ่นโฟมดับเพลิงเสริมกำลังกัน
14.55 น.
ศูนย์การค้าเมกาบางนา ออกประกาศผ่านเฟซบุ๊กประกาศแจ้งปิดให้บริการในวันนี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น เป็นต้นไป โดยจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.
ท่ามกลางความเสียหายที่กินพื้นที่เป็นวงกว้าง เบื้องต้นส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 70 หลัง ประชาชน-อาสาสมัครได้รับบาดเจ็บรวมกันไม่น้อยกว่า 30 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ทราบภายหลังคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
การควบคุมเพลิงของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากโรงงานดังกล่าวมีสารเคมีอันตราย ‘สไตรีนมอนอเมอร์’ เก็บไว้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยสารดังกล่าวใช้ในการผลิตโฟม ซึ่งจะสร้างความระคายเคืองให้กับบริเวณที่สัมผัส และเป็นอันตรายเมื่อสูดดม เพราะจะก่อให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้เกิดอาการไอและหายใจลำบาก เมื่อสูดดมในระดับที่ก่อให้เกิดพิษอาจทำให้ปวดศีรษะ เวียนหัว ง่วงซึม อีกทั้งยังเป็นสารไวไฟอีกด้วย
เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงร่วมกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ยังคงเร่งควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แผนการรับมือสถานการณ์ ศูนย์ติดตามสถานการณ์ ปภ. ได้จัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) จำนวน 9 ราย เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนการบัญชาการและระงับเหตุ รวมถึงการระดมรถดับเพลิงโฟมสารเคมีขนาดใหญ่ในปริมาณโฟมดับเพลิงกว่า 25,000 ลิตร และสำรองโฟมสนับสนุนดับเพลิงอีกกว่า 17,000 ลิตร
14.00 น.
ศูนย์ติดตามสถานการณ์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยกรณีเกิดเหตุไฟไหม้โรงงานบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ภายในซอยกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
สถานการณ์ล่าสุดยังมีไฟไหม้รุนแรงและกลุ่มควันหนาแน่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระดมกำลังเข้าระงับเหตุต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา จังหวัดสมุทรปราการได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณรัศมีโดยรอบ 5 กิโลเมตรจากจุดเกิดเหตุ ให้อพยพออกจากพื้นที่และจัดตั้งจุดอพยพ 3 จุด ได้แก่ โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บางพลีใหญ่ (หลังเก่า) และวัดบางพลีใหญ่กลาง
สำหรับการสนธิกำลังเข้าระงับเหตุ ปภ. ได้ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ เพื่อประสานการสนับสนุนและได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยเครื่องจักรกลสาธารณภัยสนับสนุนการดับเพลิงฯ ประกอบด้วย รถหอน้ำ 37 เมตร, รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว, รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง และรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยเพื่อขนโฟมดับเพลิง ซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่และปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานและอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องในพื้นที่แล้ว รวมถึงได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ KA-32 จำนวน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต 10 นาย เข้าร่วมสนับสนุนการปฏิบัติการ
เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. เฮลิคอปเตอร์ KA-32-02 ได้เริ่มขึ้นบินสำรวจพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งจะได้มีการประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย มีความร้อน และกลุ่มควันหนาแน่น และการบินทิ้งโฟมจะต้องบินต่ำ จึงต้องคำนึงความปลอดภัยเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังได้ส่งชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ของ ปภ. ส่วนกลาง จำนวน 9 ราย เข้าพื้นที่เกิดเหตุเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนการบัญชาการและระงับเหตุ
ทั้งนี้ ปภ. ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด ให้ใช้พื้นที่ของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นจุดระดมทรัพยากร หรือ Staging Area เพื่อสนับสนุนการระงับเหตุไฟไหม้ โดย ปภ. ได้ระดมรถดับเพลิงโฟมสารเคมีขนาดใหญ่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี, เขต 3 ปราจีนบุรี และเขต 16 ชัยนาท ปริมาณโฟมดับเพลิงกว่า 25,000 ลิตร พร้อมทั้งประสานรถโฟมเคมีจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เทศบาลนครแหลมฉบัง, เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์, คลังน้ำมันบางจาก, คลังน้ำมัน PSP สมุทรสาคร และ PTT ชลบุรี) เพื่อเตรียมสำรองโฟมสนับสนุนดับเพลิงอีกกว่า 17,000 ลิตร
ทั้งนี้ เครื่องจักรกลทั้งหมดได้ทยอยเข้าจุดระดมทรัพยากรเพื่อรอเข้าปฏิบัติการแล้ว
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือและอุปกรณ์สาธารณภัยที่เข้าไปในพื้นที่จะช่วยสนับสนุนให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยมากขึ้น
เบื้องต้นท่ามกลางความเสียหายที่กินพื้นที่เป็นวงกว้าง ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 70 หลัง ประชาชน-อาสาสมัครได้รับบาดเจ็บรวมกันไม่น้อยกว่า 30 ราย
ขณะที่วิทยุ จส.100 รายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. มีรายงานพบเจ้าหน้าที่กู้ภัยเสียชีวิต 1 นาย เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อและสังกัด อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด
นอกจากนี้ยังมีการแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ระบุผ่านวิทยุสื่อสารว่า ให้ทีมปฏิบัติงานถอนกำลังออกเวลานี้ เนื่องจากเพลิงไหม้เริ่มลุกลามเพิ่มขึ้นและหวั่นว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำ
13.00 น.
กฤติยา ก้อนทอง รองผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฎิบัติการ 2) ยืนยันว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังเปิดให้บริการปกติ แต่จะมีการติดตามข้อมูลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารสูงสุด
12.05 น.
เกิดเหตุระเบิดระลอกที่สอง หลังจากมีสารเคมีเกิดการรั่วไหลออกมา ทำไฟลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกไฟคลอกได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และเสียชีวิตอีก 1 นาย
12.00 น.
ปภ. ตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ ปภ. กรณีเหตุไฟไหม้โรงงานซอยกิ่งแก้ว เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์ เตรียมพร้อมประสานสั่งการและสนับสนุนการช่วยเหลือการระงับเหตุและควบคุมเพลิง
11.30 น.
เฮลิคอปเตอร์ ปภ. KA-32 ถึงสนามบินดอนเมือง พร้อมชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต ERT 10 นาย เตรียมขึ้นบินเพื่อร่วมระงับเหตุไฟไหม้โรงงานพลาสติก จังหวัดสมุทรปราการ
09.00 น.
สมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี ออกประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอพยพและออกห่างจากจุดเกิดเหตุในรัศมี 5 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และหวั่นเพลิงจะลุกลามไปติดถังสารเคมีในพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 20,000 ลิตร
ตลอดระยะรัศมี 5-10 กิโลเมตร มีสถานที่สำคัญหลายจุดที่อยู่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ อาทิ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต, วัดกิ่งแก้ว, มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา (รามคำแหง2), สถานีไฟฟ้าแรงสูงบางพลี, เมกาบางนา ฯลฯ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนถึงประชาชนในพื้นที่รัศมีโดยรอบไม่เกิน 5 กิโลเมตรเร่งอพยพออกจากพื้นที่ โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพไว้รองรับประชาชน ดังนี้
-
- 1. โรงเรียนเตรียมปริญญานุสรณ์
- 2. องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่
- 3. วัดสลุด อำเภอบางพลีใหญ่
05.20 น.
เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าดับเพลิงที่ไหม้ในโรงงานหมิงตี้เคมีคอล จำกัด ที่ซอยกิ่งแก้ว 21 ได้แล้ว หลังใช้เวลาควบคุมเพลิงนานกว่า 26 ชั่วโมง แต่ยังคงต้องฉีดน้ำลดอุณหภูมิในพื้นที่เกิดเหตุและเฝ้าดูการปะทุของเปลวเพลิงที่อาจก่อตัวได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังขอความร่วมมือประชาชนที่อพยพออกไปอย่าเพิ่งกลับเข้ามาในรัศมีเพลิงไหม้ แม้ว่าจะดับเพลิงได้แล้ว เนื่องจากยังคงมีควันจากสารเคมีที่อันตรายต่อร่างกายค้างอยู่ในอากาศ
03.10 น.
เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุระเบิดและพบเพลิงไหม้ ภายในโรงงานผลิตโฟมแห่งหนึ่งในซอยกิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ทราบภายหลังคือ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด
ครบ 24 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้ายับยั้งเหตุระเบิดไฟไหม้โรงงานหมิงตี้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเปลวไฟที่ปะทุอยู่เป็นระยะ
00.30 น.
บริเวณโรงงานหมิงตี้ยังคงพบเพลิงกลับมาลุกไหม้อีกครั้ง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ตรึงกำลังฉีดน้ำยับยั้งเพลิงและลดอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการเปิดเผยสาเหตุของเพลิงที่ปะทุขึ้นอยู่เป็นระยะว่าอาจเป็นเพราะชั้นโฟมบริเวณดังกล่าวที่พื้นอาจไม่หนาแน่นมากพอ และมีอากาศเข้าไปด้านใต้ทำให้ไฟคุขึ้นอีกครั้ง
23.55 น.
มีการเปิดเผยจาก วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า ทีมดับเพลิงได้ทำการปิดวาล์วทั้ง 3 จุดสำคัญเพื่อควบคุมเพลิงแล้ว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์