นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดโควิด-19 ไปทั่วโลกและทำให้มีผู้ประสบความทุกข์ยากมากมาย หนึ่งในกลุ่มคนที่พยายามช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่คือเหล่านักกีฬา โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬาชั้นนำของโลกที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการช่วยเหลือสังคมไม่น้อยไปกว่าการแข่งขันในสนาม
หนึ่งในนั้นคือนักกีฬาที่พลิกสถานะจากกองหน้าดาวรุ่งฝีเท้าดีธรรมดาๆ มาเป็นวีรบุรุษของชาติอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวยิงวัยรุ่นของทีม ‘ปีศาจแดง’ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ประกาศตัวทำสงครามกับความหิวโหยของเด็กทั่วอังกฤษ หลังรับรู้ว่ามีเด็กในวัยเรียนและครอบครัวจำนวนมากที่ประสบความลำบากจากการที่โรงเรียนถูกปิดในช่วงของการล็อกดาวน์ ซึ่งในฐานะคนที่มาจากครอบครัวที่ยากจน รู้จักความหิวโหยและคุณค่าของการได้กินอาหารฟรีที่โรงเรียน ทำให้กองหน้าวัย 22 ปียื่นมือช่วยเหลือทันที
แต่การช่วยเหลือของแรชฟอร์ดไม่ได้จบแค่การประกาศขอระดมทุนจากผู้ที่อยากร่วมช่วยเหลือเท่านั้น แต่เขายังยกระดับการต่อสู้ของตัวเองไปสู่การเรียกร้องอย่างแข็งขันต่อรัฐบาลและนักการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าข้อเรียกร้องจะไม่ได้รับการตอบสนองในเบื้องต้นก็ไม่ยอมแพ้ และยังใช้ ‘พลัง’ ที่ตัวเองมีอยู่ในฐานะบุคคลที่มีชื่อเสียงในการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น และร่วมต่อสู้ไปด้วยกันอย่างจริงจัง
ในที่สุดความพยายามของกองหน้าที่มีพื้นเพในย่านเสื่อมโทรมของเมืองแมนเชสเตอร์อย่างไวเทนชอว์ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อรัฐบาลอังกฤษยอมเปลี่ยนท่าทีและยื่นมือช่วยเหลือในเรื่องคูปองมื้ออาหารฟรีในโรงเรียน ซึ่งสามารถช่วยเหลือเด็กและครอบครัวได้นับล้าน โดยแรชฟอร์ดประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า “จะไม่ยอมให้มีใครต้องหิวโหยอีกต่อไป”
จากการต่อสู้นั้นทำให้ไม่เพียงแค่ได้รับการยกย่องอย่างสูงสุดโดยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ และได้รับรางวัลพิเศษของ Sports Personality of the Year จากสำนักข่าว BBC ล่าสุดนิตยสาร Time ได้ยกย่องกองหน้าทีมชาติอังกฤษรายนี้ใน ‘Time 100 Next 2021’ หรือ 100 บุคคลสำคัญผู้ทรงอิทธิพลของโลกแห่งอนาคต
โดยคนที่เป็นผู้เขียนข้อความสดุดีผลงานของแรชฟอร์ดคือ ลูอิส แฮมิลตัน ยอดนักขับรถฟอร์มูลาวันอันดับหนึ่งของยุคซึ่งเป็นชาวอังกฤษเช่นกัน โดยมีข้อความว่า
“ในปี 2020 มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้ใช้พรสวรรค์ที่อยู่นอกเหนือสนามฟุตบอล เขาใช้ความเป็นผู้เล่นระดับสตาร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดและทีมชาติอังกฤษในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์ของชาติในเรื่องความหิวโหยของเด็ก ซึ่งเขาเขียนข้อความในเดือนมิถุนายนปีกลายว่า “ผมรู้ว่าความรู้สึกของคนหิวเป็นอย่างไร” ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญรณรงค์ให้รัฐบาลช่วยจัดเตรียมมื้ออาหารสำหรับเด็กๆ ที่ต้องการมันในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน
“การยืนหยัดเพื่อผู้คนที่ประสบความยากลำบากที่สุดในสังคม ใช้พื้นที่ของเขา และใช้อิทธิพลที่มีในการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ แรชฟอร์ดจึงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนในสังคมจำนวนนับไม่ถ้วนในการทำภารกิจนี้ และตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะบุคคลต้นแบบ
“ในปีที่เราได้เห็นถึงพลังของการร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน เขาเป็นพลังขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังในการทำให้ผู้คนในสหราชอาณาจักรได้เป็นหนึ่งเดียวกัน และพยายามจะทำให้ไม่มีเด็กคนไหนต้องหิวอีกต่อไป
“ความตั้งใจของเขา การไม่ยอมแพ้ และความวิริยะของเขา คือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ผมอดใจรอไม่ไหวที่จะได้เห็นเขาสานต่องานที่สำคัญครั้งนี้”
ไนจาห์ ฮุสตัน นักสเกตบอร์ดผู้มีลีลาอันน่ามหัศจรรย์ และเป็นแรงบันดาลใจให้คนหลงรักการเลื่อนไหลโลดแล่นไปกับบอร์ด
ภาพ: Time.com
นอกจากแรชฟอร์ดแล้วยังมีบุคคลอื่นๆ ในวงการกีฬาที่ติดโผด้วย ได้แก่ ซิดนีย์ แม็คลาฟลิน นักวิ่งชาวอเมริกันที่ลุกขึ้นต่อสู้เรื่องการบูลลี่, ลูกา ดอนซิช นักบาสเกตบอลระดับซูเปอร์สตาร์ของทีมดัลลัส แมฟเวอริกส์ ที่แบ่งปันรอยยิ้มและความสุขให้แก่เด็กๆ ที่มารอต้อนรับเสมอ, ไนจาห์ ฮุสตัน นักสเกตบอร์ดผู้เป็นแรงบันดาลใจของเด็กๆ และเปลี่ยนใจผู้คนให้หลงรักกีฬาชนิดนี้
เรนี มอนต์โกเมอรี ยอมทิ้งการแข่งขันกีฬาในสนามเพื่อต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้แก่สังคม
ภาพ: Time.com
เทรเวอร์ ลอว์เรนซ์ นักอเมริกันฟุตบอลดาวรุ่งที่จัดตั้งกองทุนบรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19 ในเมืองของตัวเอง, จันจา การ์นเบร็ต นักกีฬาปีนเขา วัย 21 ปี ชาวสโลวีเนีย ที่ตั้งใจจะทำให้ผู้คนรู้จักกีฬาชนิดนี้ที่จะมีการแข่งขันในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก แม้กีฬาโอลิมปิกจะต้องเลื่อนเพราะโควิด-19, เรนี มอนต์โกเมอรี ผู้เล่นตำแหน่งการ์ดของทีมแอตแลนตา ดรีม ที่สละการเล่นกีฬาเพื่อร่วมต่อสู้ในการเรียกร้องความยุติธรรมให้สังคม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
