×

ไทเกอร์ วูดส​์ เผยเคล็ดลับการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกอล์ฟ “ผมคว้าแชมป์เพื่อลูก”

25.09.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 MINS READ
  • ไทเกอร์ วูดส์ กลับมาคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีในรายการทัวร์ แชมเปียนชิพ ที่รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 24 กันยายน
  • ช่วงเวลา 5 ปีที่ไร้แชมป์ ไทเกอร์ต้องผ่านการผ่าตัดหลังถึง 4 ครั้ง และจุดต่ำสุดในชีวิตที่ถูกจับกุมในข้อหาเมาแล้วขับเมื่อปี 2017  
  • ไทเกอร์ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นและเริ่มต้นหาทางแก้ไขเพื่อโอกาสในการกลับมาทำในสิ่งที่เขารักมากที่สุดคือการเล่นกอล์ฟ
  • ไทเกอร์ได้ความแข็งแกร่งทางจิตใจจากคุณพ่อ เอิร์ล วูดส์ ที่ฝึกเขาด้วยคำพูดที่รุนแรงตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งไทเกอร์มองว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาแยกสมาธิให้สนใจแต่สิ่งที่สำคัญ

 

หากย้อนเวลากลับไปไม่ถึง 1 ปี เราจะได้เห็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศจากหลายสำนักเริ่มต้นตั้งคำถามว่า ไทเกอร์ วูดส์ จะเกษียณเมื่อไร จากปัญหานอกสนามและปัญหาสุขภาพที่ทำให้พญาเสือดูเหมือนเพียงนับวันรอที่เขาจะประกาศอำลาสนามอย่างเป็นทางการ และด้วยความสำเร็จในการคว้าแชมป์ 14 เมเจอร์ และการคว้าแชมป์เดอะมาสเตอร์ด้วยวัยเพียง 21 ปีเมื่อปี 1997 คงไม่มีใครไม่ยอมรับเขาในฐานะหนึ่งในนักกอล์ฟที่ดีที่สุดที่เคยมีมา

 

แต่สุดท้ายไทเกอร์ก็สามารถกลับมาทำในสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด และทำมันได้ในการแข่งขันระดับสูง เมื่อเขาคว้าแชมป์ทัวร์ แชมเปียนชิพ ที่รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 24 กันยายน ซึ่งนับเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 80 ในอาชีพกอล์ฟของเขา

 

 

การคว้าแชมป์ครั้งนี้ทำให้สื่อหลายสำนักยกให้เป็นการคัมแบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์กีฬากอล์ฟ เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา หลายคนในวงการรวมถึงตัวเขาเองมองไม่เห็นอนาคตที่ไทเกอร์จะสามารถกลับมาเล่นกอล์ฟได้ในวัย 42 ปี หลังจากการผ่าตัดหลังถึง 4 ครั้ง และปัญหานอกสนามที่ทำให้ชื่อของไทเกอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยกให้เป็น ไมค์ ไทสัน แห่งวงการกอล์ฟ กลายเป็นนักกอล์ฟที่ไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร

 

 

จุดเริ่มต้นของจุดจบ

ไทเกอร์ วูดส์ คือผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นผู้เปลี่ยนแปลงวงการกอล์ฟไปตลอดกาล ด้วยความสำเร็จในวัยเยาว์ พรสวรรค์ที่แทบจะหาคนเปรียบเทียบได้ยาก ปี 1997 เป็นครั้งแรกที่คนทั่วโลกเริ่มรู้จักกับไทเกอร์ในฐานะผู้คว้าแชมป์รายการเดอะมาสเตอร์ที่มีอายุน้อยที่สุดตลอดกาลที่ 21 ปี

 

เส้นทางสู่ความสำเร็จของเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นหลังจากแชมป์รายการนั้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2000 ไทเกอร์คว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นด้วยสกอร์ทิ้งห่างอันดับที่ 2 ถึง 15 ช็อต ทำสถิติเป็นแชมป์เมเจอร์ที่มีสกอร์ห่างที่สุด ก่อนจะคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ทั้งหมด 14 รายการ โดยรายการล่าสุดคือปี 2008 ในยูเอสโอเพ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไทเกอร์ต้องพบเจอกับปัญหานอกสนาม

 

ไทเกอร์ประสบกับปัญหาครอบครัวอย่างหนัก เมื่อ เอลิน นอร์เดเกรน ภรรยาสาวที่แต่งงานกันตั้งแต่ปี 2004 และมีลูกด้วยกัน 2 คนตัดสินใจหย่าร้างกันในปี 2010 หลังจากที่มีข่าวชู้สาว นอกจากนี้ไทเกอร์ยังขับรถพุ่งชนหัวฉีดดับเพลิงและต้นไม้ของเพื่อนบ้านที่ฟลอริดาเมื่อปี 2009 ซึ่งเขาออกมายอมรับต่อข่าวชู้สาวพร้อมกับให้เหตุผลว่าชื่อเสียงและความสำเร็จทำให้เขาหลวมตัวคิดว่าจะสามารถทำอะไรก็ได้

   

 

“ผมคิดว่าผมสามารถทำอะไรก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองทำงานหนักมาตลอดชีวิตและสมควรได้รับความสุขจากสิ่งยั่วยวนใจรอบตัว ผมคิดว่าผมมีสิทธิ์ และต้องขอบคุณชื่อเสียงเงินทองที่ทำให้ผมได้สิ่งเหล่านั้นมาอย่างง่ายดาย”

 

ฟอร์มการเล่นของไทเกอร์ดำดิ่งสวนทางกับปัญหานอกสนามที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไทเกอร์ได้รับการผ่าตัดหลังถึง 4 ครั้งนับตั้งแต่แชมป์รายการสุดท้ายในปี 2013 และเมื่อสภาพร่างกายที่ผุพังจากการพยายามรักษาฟอร์มการเล่นในระดับสูง บวกกับสภาพจิตใจที่สะท้อนให้เห็นผ่านข่าวฉาวต่างๆ

 

ไทเกอร์อยู่ในจุดที่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกลับมาได้

 

 

ไทเกอร์กับการเดินทางสู่จุดต่ำสุด

ปี 2016 ไทเกอร์มีสภาพร่างกายที่ย่ำแย่มากถึงขั้นที่นิตยสาร Time รายงานว่าไทเกอร์สะดุดล้มในสวนหลังบ้านโดยไม่มีโทรศัพท์ และเขาต้องนอนรอจนกระทั่งลูกสาวมาพบเข้า ก่อนเขาจะบอกให้ลูกสาวไปตามคนมาช่วย

 

ปีเดียวกันนั้นที่บาฮามาส ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้น ไทเกอร์เดินแยกออกจากฝูงคน ทั้งผู้ติดตาม สปอนเซอร์ เอเจนต์ และผู้จัดการ เขาเป็นเพียงชายวัยกลางคนที่อยู่ในจุดที่เริ่มต้นพูดคุยกับตัวเองว่าจะทำอย่างไรดีกับอนาคต ซึ่งเขาถึงกับโทรหา ไมเคิล จอร์แดน ตำนานนักบาสเกตบอลเอ็นบีเอ เพื่อถามว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนคือเวลาที่ควรบอกลาสนาม”

 

“ผมเลยจุดที่จะกลับมาเล่นแล้ว ผมไม่สามารถนั่ง เดิน หรือนอนลงโดยไม่รู้สึกปวดหลังและขา ผมถึงขั้นคิดว่าหรือนี่คือชีวิตของผมที่เหลือต่อจากนี้ และมันคงเป็นชีวิตที่ยากลำบากมาก” ไทเกอร์ให้สัมภาษณ์หลังคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่ 80 ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 24 กันยายน โดยเอ่ยถึงวันที่ยากลำบากที่สุดของเขา

 

ในช่วงฮาโลวีนปีนั้น ไทเกอร์ได้มีโอกาสนั่งลงพูดคุยกับเพื่อนในวัยเด็ก โนตาห์ บีเกย์ ถึงความสนุกในวัยเด็กและอดีตที่หอมหวานของเขา

 

“ไทเกอร์กับผมชอบพูดคุยกันถึงอดีต เขาชอบพูดถึงช่วงมหาวิทยาลัย”

 

พวกเขานั่งคุยกันเรื่องความชื่นชอบของลูกๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีพวกเขาก็นั่งคุยกันอยู่กลางถนน โนตาห์รู้ทันทีว่าไทเกอร์กำลังพบเจอกับจุดที่ผู้มีอำนาจทุกคนต้องพบเจอ นั่นคือจุดจบของวัยเยาว์และพลังอำนาจ รวมถึงการครุ่นคิดถึงวันที่ทุกสิ่งที่เขาเคยมีจะถูกทดแทนด้วยความว่างเปล่า ซึ่งไทเกอร์รู้ดีว่าถ้าวันหนึ่งสุขภาพเขากลับมาดีอีกครั้ง นี่จะเป็นการคัมแบ็กครั้งสุดท้ายของเขา

 

“เขารู้ดีเลยล่ะ” โนตาห์กล่าวปิดท้าย

 

แต่เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นก่อนที่ไทเกอร์จะก้าวลงสู่จุดต่ำสุดเมื่อปี 2017 ไทเกอร์ประสบปัญหาทั้งความเจ็บปวดและอาการนอนไม่หลับ ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากการเอาสุขภาพเข้าแลกกับความสำเร็จของเขาตลอดมา

 

จนสุดท้ายภาพของไทเกอร์ปรากฏขึ้นบนจอแก้วทั่วโลก แต่แทนที่เขาจะถือไม้กอล์ฟ สิ่งที่ปรากฏบนมือของเขากลับกลายเป็นกุญแจมือ

 

ไทเกอร์ถูกจับด้วยข้อหา DUI หรือขับขี่รถยนต์ภายใต้ฤทธิ์ของสุราหรือสารเสพติด ซึ่งคืนนั้นหากไทเกอร์ตัดสินใจสตาร์ทรถและไปต่อ เขาอาจไปถึงจุดที่ไม่มีวันกลับมาได้ เพราะเขาอาจทำอันตรายต่อผู้อื่นหรือตัวเขาเองด้วยการขับรถในสภาพนั้น

 

แต่เมื่อถึงจุดต่ำสุดในชีวิต ทางออกเดียวคือการก้าวกลับขึ้นมา

 

ไทเกอร์ผ่านการรักษาและการผ่าตัดใหญ่ครั้งที่ 4 ทำให้เขาสามารถพลิกชีวิตกลับมาได้

 

เขากลับมาลงแข่งขันรายการเดอะมาสเตอร์ที่เขาเคยสร้างประวัติศาสตร์ แต่มาวันนี้เขาเรียกตัวเองว่าเป็น ‘ปาฏิหาริย์ที่เดินได้’ รอยยิ้มของไทเกอร์กลับมาพร้อมกับ ความเร็วของวงสวิง

 

ไทเกอร์ตัดสินใจว่าเขาจะกลับมาลงเล่นเพื่อลูกสาว แซม และชาร์ลี ลูกชาย เขาเคยแหย่ลูกๆ ว่าเขาคือนักกอล์ฟยูทูบ เพราะลูกๆ มักจะถามว่าเมื่อไรพ่อของพวกเขาจะคว้าแชมป์อีก โดยครั้งสุดท้ายที่แซมเห็นพ่อของเธอคว้าแชมป์คือยูเอสโอเพ่นเมื่อปี 2008 ขณะที่ชาร์ลีด้วยวัยเพียง 4 ขวบเห็นพ่อเขาคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2013

 

และเมื่อ 1,876 วันผ่านไป แซมและชาร์ลีก็ได้เห็นพ่อของเขายุติช่วงเวลาที่ย่ำแย่ในชีวิตด้วยการกลับมาคว้าแชมป์แรกได้สำเร็จในรอบ 5 ปี

 

 

ไทเกอร์กับความเข้มแข็งที่เขาได้รับจากคุณพ่อ

เราได้เห็นนักกีฬาหลายคนที่ไม่สามารถก้าวข้ามจุดต่ำสุดของชีวิตมาได้ แม้ว่าจุดต่ำสุดของพวกเขาจะแตกต่างออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไทเกอร์กลับมาได้ในครั้งนี้คือสภาพจิตใจที่เข้มแข็งซึ่งเขาได้รับจากคุณพ่อเอิร์ล วูดส์

 

เอิร์ล วูดส์ เป็นคนที่หนักแน่นกับลูกชาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาฝึกซ้อม

 

ในวัย 11 ปี เอิร์ลเริ่มต้นด่าเขาอย่างรุนแรง The Guardian เผยว่าเอิร์ลสามารถด่าคุณนานถึง 30 นาทีโดยไม่ใช้ประโยคซ้ำเลย ซึ่งเอิร์ลได้เผยกับทาง Golf Digest ว่าเป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาในครอบครัวของเขา

 

ซึ่งจุดนี้เองไทเกอร์ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือเขา แม้หลายคนจะมองว่าเป็นการทำลายมากกว่าสร้างสรรค์ก็ตาม โดยไทเกอร์มองว่าสิ่งเหล่านี้คือการฝึกจิตวิทยา ซึ่งไทเกอร์และพ่อของเขาได้ตกลงกันว่าเมื่อไรก็ตามที่ไทเกอร์รู้สึกว่าไม่สามารถรับมือได้ เขาจะมีคำที่แสดงให้เห็นว่า ‘ยอมแพ้แล้ว’ ซึ่งไทเกอร์ไม่เคยพูดมันเลยสักครั้งเดียว

 

“ผมไม่มีวันยอมแพ้เขา ผมจะเป็นขี้แพ้ทันทีถ้าผมใช้คำนั้น ซึ่งผมไม่ใช่คนที่ยอมแพ้”

 

 

แน่นอนว่าที่ผ่านมาเราเห็นนักกีฬาผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ซึ่งตัวเขาและแฟนๆ หลายคนคงดีใจไม่น้อยที่มันจบลงแล้ว เพราะที่ผ่านมาเราได้เห็นภาพยนตร์ การ์ตูน สื่อ มีม และภาพต่างๆ ที่ล้อเลียนเขาในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต ซึ่งสิ่งที่ไทเกอร์ได้เขียนถึงบทเรียนที่เขาได้รับจากคำสบถของคุณพ่อคือการปิดกั้นตัวเองจากเสียงต่างๆ และโฟกัสที่การเล่นกอล์ฟของเขาเท่านั้น

 

“พวกเขาคิดเหรอว่าจะสามารถเข้าถึงจิตใจผมได้” “ผมเห็นแต่ไม่เห็น ผมได้ยินแต่ไม่ได้ยิน” และนั่นคือสิ่งที่ไทเกอร์ได้รับจากพ่อที่เขาได้นำมาปรับใช้สำหรับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต

 

เรื่องราวของไทเกอร์เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกคนเรียนรู้ ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาของความสำเร็จ แต่ให้เราเรียนรู้การต่อสู้และก้าวข้ามสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นไปไม่ได้

 

 

ไทเกอร์ผ่านช่วงเวลาที่ตกต่ำ เขายอมรับมันทั้งเรื่องชู้สาว ปัญหาติดเซ็กซ์ เขาขอความช่วยเหลือด้วยการเข้าคอร์สต่างๆ เขาทำในสิ่งที่เขาต้องทำ กินยารักษา ผ่าตัด เพื่อวันหนึ่งเขาจะสามารถกลับมาได้ทำในสิ่งที่เขารักได้อีกครั้ง

 

แม้ว่าภาพที่สนามอีสต์ เลก กอล์ฟ คลับ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไทเกอร์ชูถ้วยแชมป์ต่อหน้าแฟนๆ และลูกๆ ของเขา แต่เชื่อว่าวันนี้ความสำเร็จที่เขาได้ทำมากกว่าแค่การเป็นที่หนึ่งของกอล์ฟแล้ว แต่มันเป็นการกลับมาครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของวงการกีฬา

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising