บมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกวันนี้ (10 พฤษภาคม) และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น ราคาเปิดการซื้อขายสูงกว่าราคาเสนอขายหุ้น IPO ถึง 46% สวนทางภาพรวมดัชนี SET วันนี้ที่ย่อตัวลงเล็กน้อย
ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15-20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากปีก่อนที่มีรายได้ 10,558.9 ล้านบาท จากการขยายสินเชื่อควบคู่ไปกับการบริการผ่านช่องทางออนไลน์
นอกจากนี้จะมีรายได้เสริมจากธุรกิจนายหน้าขายประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นอีกปัจจัยผลักดันการเติบโตของรายได้ รวมทั้งการเพิ่มสาขา โดยบริษัทจะเพิ่มสาขาเป็น 1,500 แห่งภายใน 2-3 ปี จากสิ้นปี 2563 ที่มีสาขา 1,076 แห่ง
“เฉพาะปีนี้ มีแผนจะขยายสาขาอีก 200 แห่ง งบลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ 4-7 แสนบาท”
สำหรับความกังวลเรื่องหนี้เสีย (NPL) ยอมรับว่าปีนี้อัตราหนี้เสียอาจจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ TIDLOR เชื่อจะสามารถควบคุมหนี้เสียให้ไม่เกิน 2% ได้ ทั้งนี้ เป็นเป้าหมายที่รวมความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ไปแล้ว
“ในตอนนี้ความเสี่ยงที่สำคัญสุดคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีความยืดเยื้อและกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจรวม ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อเพื่อหมุนเวียนในธุรกิจต่างๆ ชะงักตามไปด้วย แต่สำหรับ TIDLOR เชื่อว่าจะยังสามารถสร้างการเติบโตต่อได้ตามแผน”
วีรภัทร์ วิริยะโกวิทยา ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายบัญชีและการเงิน กล่าวว่า จุดต่างของ TIDLOR คือการก้าวเข้าสู่ธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และ เป็นแรงผลักดันมูลค่าและการเติบโตที่สำคัญ
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2561-2563 TIDLOR เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 7,569.4 ล้านบาท, 9,457.9 ล้านบาท และ 10,558.9 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 1,306.2 ล้านบาท, 2.201.7 ล้านบาท และ 2,416.1 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่ยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2561-2563 อยู่ที่ 39,724.1 ล้านบาท, 47,979.4 ล้านบาท และ 51,331.2 ล้านบาท ตามลำดับ และเบี้ยประกันวินาศภัยจัดเก็บได้ ณ สิ้นปี 2561-2563 อยู่ที่ 1,917.7 ล้านบาท, 2,854.3 ล้านบาท และ 4,010.9 ล้านบาท ตามลำดับ
ณ สิ้นปี 2563 เงินติดล้อมีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพียง 1.7% ต่อสินเชื่อรวม เนื่องจากมีการกระบวนการพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบและรัดกุม และมีอัตราส่วนเงินสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 325.1%
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล