ถ้าให้นึกสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่เป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น ภาพภูเขาไฟฟูจิสีขาวสะอาดตา ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีคราม แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า ฟูจิในหน้าร้อนก็สวยงามและน่าถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก เพื่อย้ำเตือนความทรงจำไม่แพ้กัน
แม้แสงแดดในหน้าร้อนจะร้อนแรงแค่ไหน แต่บรรยากาศที่เย็นสบายและภาพปุยเมฆสีขาวที่อยู่ในระดับสายตา จะทำให้เรารู้สึกเคลิบเคลิ้มจนแทบจะไม่อยากเดินทางลงจากภูเขาไฟลูกนี้เลยทีเดียว ด้านบนยังมีศาลเจ้าให้เราได้สักการะและขอพร รวมถึงมีจุดจำหน่ายเครื่องรางให้เราได้ซื้อกลับมาเป็นของฝากจากทริปนี้อีกด้วย
เดินทางมาถึง ย่านชินจูกุ (Shinjuku) ถือว่าเป็นย่านแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว เป็นหนึ่งในย่านที่ผู้คนคึกคักมากที่สุดย่านหนึ่งของญี่ปุ่น เรียกได้ว่า สายช้อปทั้งหลายที่เคยมาย่านนี้แล้ว จะต้องอยากกลับมาช้อปปิ้งที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน ที่นี่มีร้านค้าต่างๆ มากมาย ตั้งแต่แบรนด์ไฮเอนด์จนถึงแบรนด์ท้องถิ่นที่เป็นที่นิยมในหมู่คนทุกเพศทุกวัย หนึ่งในห้างที่ใครหลายคนไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ห้าง Don Quixote ที่ชื่อเหมือนวรรณกรรมเลื่องชื่อของสเปน ที่รู้จักกันดีในชื่อ Donki ที่ร้านแห่งนี้จะมีสินค้าหลายหมวดหมู่ในเลือกสรร คุณแค่จะต้องมีสติต่อสินค้าลดกระหน่ำที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ที่สำคัญอย่าลืมแวะชิมผลไม้สดที่ร้านผลไม้ตรงหัวมุม รับรองความอร่อย หวานฉ่ำคุ้มราคาอย่างแน่นอน
Tips: เรื่อง Tax Refund สำหรับนักช้อปทั้งหลาย ที่นี่จะมี 3 แบบใหญ่ๆ คือ เป็นสินค้าประเภท Tax Free ที่หักภาษีตั้งแต่หน้าร้าน หรือทำเรื่องขอคืนภาษีแบบไม่จำกัดจำนวน เรียกได้ว่าเก็บทุกใบเสร็จและทำเรื่องขอคืนภาษีรวดเดียว อีกแบบคือ ต้องชำระเงินเต็มจำนวนในครั้งเดียว ก่อนจะตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อขอรับภาษีคืน เช่น Donki, Isetan, OIOI และ Takashimaya เป็นต้น และแบบสุดท้ายคือ หักภาษีตั้งแต่หน้าร้านอย่างแบบแรก และใช้บัตรเครดิตอย่างวีซ่าช้อปปิ้ง อาจลดได้อีก 5% อย่างเช่นที่ BIG Camera
มาต่อกันที่ ย่านโอไดบะ (Odaiba) เกาะที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียว เป็นย่านที่รวมแหล่งท่องเที่ยวไว้มากมาย หนึ่งในนั้นคือ ห้างสรรพสินค้า Diver City Tokyo Plaza และสัญลักษณ์ที่สำคัญของย่านนี้ คงหนีไม่พ้นเจ้าหุ่น RX-0 Unicorn Gundam หุ่นกันดั้มขนาดยักษ์ตัวใหม่ที่สามารถแปลงร่างได้ และมีความสูงเกือบ 20 เมตร เรียกได้ว่าเอาใจแฟนๆ สายกันดั้มกันเลยทีเดียว โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าให้ย่านนี้เป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ในช่วงมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้
นอกจากนี้ยังมีลานกว้างที่เชื่อมต่อกับท่าเรือโอไดบะ ตลอดสองข้างทางจะมีสวนและส่วนจัดแสดงประติมากรรมศิลปะ รวมถึงรูปปั้นเทพีเสรีภาพจำลอง โดยมีฉากหลังเป็นสะพานสายรุ้ง (Rainbow Bridge) ที่เชื่อมระหว่างเมืองโตเกียวและเกาะโอไดบะ และที่สำคัญ ในละแวกนั้นยังมีชิงช้าสวรรค์ (Daikanransha) ที่สูงติดอันดับท็อปของโลก ให้ทุกคนได้ขึ้นไปชมความสวยงามของอ่าวโตเกียว รวมถึงวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งเกาะโอไดบะ จากระดับความสูงกว่า 115 เมตรอีกด้วย และถ้าใครเป็นแฟนอนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่นอย่าง ลูฟี ดราก้อนบอล นารูโตะ หรือมารุโกะจัง ก็สามารถไปอุดหนุนสินค้าลิขสิทธิ์แท้ได้ที่หอชมวิวทรงกลมชั้นบนสุดของอาคารฟูจิทีวี (Fuji TV Building) ได้อีกด้วย
Daikanyama Tsutaya (T-SITE) เป็นหนึ่งใน Third Place ยอดฮิตแถบย่านไดคังยามะที่คนญี่ปุ่นนิยมมาใช้เวลาว่าง รองจากบ้านและสถานที่ทำงาน ตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นตัวอักษร T สีขาวอย่างเป็นเอกลักษณ์ เป็นแหล่งรวมตัวของคนรักหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นหมวดอาหาร ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรมและการออกแบบ ศิลปะ วรรณกรรม รวมถึงหมวดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ยกรถคันหรูมาจัดแสดงถึงภายในร้านกันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีโซนเพลงและภาพยนตร์ที่รวมผลงานต่างๆ ของศิลปินทั้งญี่ปุ่นและต่างประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีแผ่นเสียงและซีดีเพลงหายากจำนวนมาก อีกทั้งยังมีร้านเครื่องเขียนที่บอกได้คำเดียวว่า เป็นสวรรค์ของนักสะสมปากกาและดินสอกดโดยแท้ และที่สำคัญยังมีร้านเครื่องดื่ม ร้านอาหาร รวมถึงร้านกล้องถ่ายรูปสุดเจ๋งที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 7.00 น. จนถึง 2.00 น. และยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Daikanyama Station และ Nakameguro Station อีกด้วย
และ Third Place อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดคือ La Kagu ที่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของอาหาร ไลฟ์สไตล์ และความรู้ ที่ยังคงความเก่าแก่และเอกลักษณ์ของตัวอาคารในยุคทศวรรษ 1960 นำมาแปลงโฉมให้เข้ากับยุคสมัยและเปิดตัวเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า เป็น Third Place น้องใหม่ในย่านคากุระซากะ แถบเขตชินจูกุ โดยบันไดขนาดใหญ่หน้าโกดัง ยังสามารถเป็นม้านั่งให้กับลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวให้พักเหนื่อยกันได้อีกด้วย
ที่นี่จะมีคาเฟ่ให้เราได้พักผ่อนคลายร้อน รวมถึงมีโซนช้อปปิ้งแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์ท้องถิ่นได้อวดโฉมไอเดียและจัดจำหน่ายผลงานภายใต้แบรนด์ของตัวเอง มีตั้งแต่แพตเทิร์นเสื้อผ้าสุดเนี้ยบไปจนถึงเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนแต่ถูกตัดเย็บอย่างดี นับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของสินค้าที่นี่ นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงเวิร์กช็อปต่างๆ ที่จะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปตลอดทั้งปี ที่นี่ไม่มีวันหยุดประจำ และเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 11.00-20.30 น. (โดยคาเฟ่ปิดรับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 20.00 น.)
นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ไปครั้งเดียวไม่เคยพอ ซึ่งสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อาจจะยังไม่เคยไป ลองให้สถานที่ต่างๆ เหล่านี้อยู่ในจุดเช็กพอยต์ในโปรแกรมเที่ยวตะลุยโตเกียวทริปหน้าของคุณดู รับรองไม่มีผิดหวังแน่นอน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- ข่าวดี! สำหรับคนที่กำลังมองหาพื้นที่แห่งใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในเมืองกรุง โดย MQDC ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยูส รวมถึงโครงการที่เน้นการใช้ชีวิตแบบคนเมืองยุคใหม่กำลังจะเปิดโครงการ ‘101 The Third Place’ ซึ่งเป็น Innovative Lifestyle Complex แห่งใหม่ใจกลางกรุง บนพื้นที่กว่า 30,000 ตารางเมตร ริมถนนสุขุมวิท ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าปุณณวิถี ที่มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน พื้นที่สีเขียวกว่า 5,000 ตารางเมตร รวมถึง 24-Hour Street เอาใจคนนอนดึกและบรรดาเหล่านักเรียนนักศึกษาที่ต้องการพื้นที่อ่านหนังสือแบบ Non-Stop ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และเอาใจสายรักสุขภาพกับเลนจักรยานและลู่วิ่งลอยฟ้าแบบ Multilevel แห่งแรกของไทย ระยะทางรวม 1.3 กิโลเมตร…แล้วพบกันเร็วๆ นี้