จากกรณีความขัดแย้งระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลที่ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสงบลง ล่าสุด สมาคมเศรษฐศาสตร์ แห่งประเทศไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งฝ่ายของแบงก์ชาติและรัฐบาลต้องคุยกัน พร้อมชี้แจงเหตุผลความเป็นอิสระของธนาคารกลางว่ามีความจำเป็น
ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI ในฐานะนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า จากกรณีความขัดแย้งระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับฝ่ายการเมือง ที่เกิดขึ้นในเชิงความเห็นด้านการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยออกมาเคลื่อนไหว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมล่ารายชื่ออาจารย์รวมถึงนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ทั่วประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้ทั้ง ธปท. และรัฐบาล หันมาร่วมพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับสังคม รวมทั้งร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
ทั้งนี้ สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยจะมีการเปิดรวบรวมลงรายชื่ออาจารย์รวมถึงนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ จากนั้นจะออกเป็นแถลงการณ์ส่งให้สื่อมวลชนเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพื่อแสดงจุดยืนของสมาคมฯ และเพื่อสื่อสารต่อไปยัง ธปท. กับรัฐบาล
“มองว่าปัญหาความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลคงยากที่จะแก้ให้หายไป แต่ที่สมาคมฯ ออกมาเคลื่อนไหว เพราะต้องการให้ทั้งสองฝ่ายควรต้องหันมาพูดคุยกัน เพื่อช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย”
นอกจากนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยเตรียมจัดงานเสวนาเพื่อระดมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ เพื่อนำเสนอทางออกในการแก้ปัญหาให้ประเทศไทยด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีการสรุปรายละเอียดรายชื่อนักเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งกำหนดวันจัดงานเสวนาออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า
เปิดข้อเรียกร้องสมาคมเศรษฐศาสตร์ฯ
สมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ระบุว่า ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ TDRI ในฐานะนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย และ ดร.วิศาล บุปผเวส เลขาธิการสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย ได้รวบรวมรายชื่อเตรียมออกแถลงการณ์ เรื่อง ความขัดแย้งระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับฝ่ายการเมืองว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีการตั้งคำถามถึงความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะจากฝ่ายการเมือง ว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหรือไม่ จนนำไปสู่วิวาทะระหว่างฝ่ายที่ต้องการปกป้องความเป็นอิสระของธนาคารแห่งประเทศไทยกับฝ่ายที่สนับสนุนความเห็นของภาคการเมือง
เนื่องจากวิวาทะเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นเสาหลักหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ควบคู่กับนโยบายการคลังในทุกประเทศทั่วโลก ในขณะเดียวกันสังคมยังมีความเข้าใจค่อนข้างน้อยในเรื่องความจำเป็นที่ธนาคารกลางต้องมีความเป็นอิสระ เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน
คณะผู้แถลงการณ์จึงขอแสดงความเห็น ดังนี้
ความเป็นอิสระของธนาคารกลางมีความจำเป็นด้วยเหตุผลอย่างน้อย 2 เหตุผล
ประการแรก ธนาคารกลางควรมีความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางการเมืองในระดับหนึ่ง เพื่อป้องกันมิให้การดำเนินนโยบายการเงิน เป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองระยะสั้นที่อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพด้านราคา เสถียรภาพของระบบการเงิน และเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน หากอำนาจในการกำหนดปริมาณเงินหรืออัตราดอกเบี้ยอยู่ในมือของรัฐบาลผู้ใช้เงิน ก็จะเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะรัฐบาลมีแรงจูงใจที่จะให้ต้นทุนการใช้เงินหรืออัตราดอกเบี้ยต่ำลง
ประการที่สอง การดำเนินนโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ (Inflation Targeting) จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสาธารณชน ตลาดการเงิน ตลาดทุน ตลาดเงินตราระหว่างประเทศ มีความเชื่อใจธนาคารกลางว่าจะแน่วแน่ในการรักษาเสถียรภาพ 3 ประการที่กล่าวถึงก่อนหน้า จนทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อ (Inflation Expectation) อยู่ในกรอบเป้าหมายจริง ซึ่งจะส่งผลให้พฤติกรรมการใช้จ่าย การลงทุน ปริมาณและการหมุนเวียนของเงิน การสร้างสินทรัพย์ทางการเงิน เป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อการรักษาเสถียรภาพจริง ทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว หากความเชื่อมั่นดังกล่าวถูกทำลายไป หน่วยเศรษฐกิจก็จะมีพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไป จนอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ฟองสบู่ อันจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงในที่สุด ดังตัวอย่างประเทศตุรกีในปัจจุบัน
ความสำคัญของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้รับการรับรองจากงานวิชาการจำนวนมาก รวมทั้งประสบการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีหรือมากกว่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าการมีเสถียรภาพของราคา ของระบบการเงิน และของระบบสถาบันการเงิน ส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจผ่านหลากหลายช่องทาง เช่น การที่ราคามีเสถียรภาพทำให้หน่วยเศรษฐกิจ (ประชาชน ธุรกิจ ภาคการเงิน และอื่นๆ) สามารถวางแผนการจับจ่าย วางแผนธุรกิจ และแผนการเงิน ได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคา ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการออม เป็นไปตามแผนระยะยาวได้ดีกว่า ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว และที่สำคัญคือการป้องกันวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ฟองสบู่และการหดตัวรุนแรงที่กล่าวถึงข้างต้น
ความสำคัญของความเป็นอิสระของธนาคารกลางอันนำไปสู่ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ ‘หลักปฏิบัติ’ ที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกหลายประการ เช่น ฝ่ายการเมืองไม่ควรแสดงท่าทีกดดันหรือข่มขู่ธนาคารกลางในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง แต่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ต่างออกไปอย่างสุภาพ มีการพูดคุยที่อิงบนหลักการ หลักฐานเชิงประจักษ์ และข้อมูลสนับสนุนอย่างรอบด้าน ไม่ใช่นำเสนอข้อมูลด้านเดียว
ส่วนธนาคารกลางเองก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อภารกิจของตนให้เป็นไปตามกรอบนโยบายเงินเฟ้อที่ตกลงกับรัฐบาลและรัฐสภา เหตุผลสำคัญคือ ธนาคารกลางต้องมีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน เช่น การออกจดหมายเปิดผนึกอธิบายเหตุผลกรณีที่เงินเฟ้อไม่อยู่ในกรอบเป้าหมาย
นโยบายการคลังเองก็ต้องรักษาเสถียรภาพด้วยเช่นกัน ผ่านการมีวินัยการคลังที่เหมาะสม เพื่อป้องกันมิให้หนี้สาธารณะ (ทั้งทางการและหนี้ที่เกิดจากนโยบายกึ่งการคลัง) และรายจ่ายในการบริหารหนี้สูงเกินไป ต้องมีนโยบายด้านภาษีที่เหมาะสมกับการพัฒนาประเทศ มีการใช้จ่ายด้านการคลังที่มีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสประเทศในการก้าวทันพัฒนาการสำคัญๆ เช่น พัฒนาการด้านเทคโนโลยีและการรักษาสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
คณะผู้แถลงการณ์ขอเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบนโยบายการเงินและนโยบายการคลังร่วมมือกันในการรักษาเสถียรภาพในด้านที่ตัวเองรับผิดชอบและประสานเชิงนโยบายอย่างเหมาะสม ผ่านการพูดคุย ถกเถียง ที่ตั้งอยู่บนฐานวิชาการและมีข้อมูลสนับสนุน พร้อมกับการรักษาระดับความอิสระของธนาคารกลางอย่างที่ควรจะเป็น ประเทศไทยโชคดีที่มีสถาบันและกระบวนการให้หน่วยงานด้านการเงินการคลังร่วมกันจัดทำกรอบงบประมาณประจำปีตามหลักวินัยการเงินการคลังอยู่แล้ว รัฐบาลจึงควรใช้กระบวนการนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
อนึ่ง เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ คณะผู้แถลงการณ์ขอแจ้งว่า นักเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งจะจัดงานเสวนา เรื่อง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน วัตถุประสงค์เพื่อระดมความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ทุกรุ่น ในการหาทางออกให้กับประเทศไทยที่ติดกับดักประเทศรายได้ปานกลางเป็นเวลานาน จนทำให้กลายเป็นผู้ป่วยแห่งอาเซียน งานเสวนาจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ โดยจะจัดให้มีการถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดีย