ผู้เชี่ยวชาญมองว่า โซเชียลมีเดียกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน และเหล่าครีเอเตอร์กำลังมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมมากขึ้น เห็นจากทั่วโลกจ่ายเม็ดเงินโฆษณาไปกับครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่ 75% ของ Marketing 1,700 รายทั่วโลก มีแผนจะลงทุนใน TikTok เพิ่มขึ้นในปีหน้า
อรรถวุฒิ เวศรานุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Adapter Digital Group กล่าวในหัวข้อ ‘MEDIA REVOLUTION จุดเปลี่ยนภูมิทัศน์สื่อ เมื่อ TIKTOK เปลี่ยนโลก’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ว่า ตอนนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ของสิ่งที่เรียกว่า Social Media Downturn ซึ่งหมายความว่า โซเชียลมีเดียที่เราใช้มาจนชินเป็น 10 ปีกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐา ทวีสิน ชี้ ปัญหาเหลื่อมล้ำและปากท้องเร่งด่วนสุด แนะจัดเก็บภาษีคนรวยมากขึ้น
- ถอดมุมมองต่อ Web 3.0 ผ่านเลนส์ของ ‘Regulator-Investor-Developer’ แท้จริงแล้วคืออะไร?
- วาทะเด็ด THE FUTURE OF WORK อนาคตการทำงาน ทำอย่างไรให้เวิร์ก
- ส่องเทรนด์อนาคต ชี้องค์กรต้องมุ่งโฟกัส Upskill – เพิ่ม Experience ให้กับพนักงาน ป้องกันการเทิร์นโอเวอร์สูง
“ผมคิดว่า ตอนนี้จุดเปลี่ยนที่ทุกโซเชียลมีเดียต้องเจอคือ งบโฆษณาลดลงทุกแพลตฟอร์มในปีที่ผ่านมา ทำให้โซเชียลมีเดียแทบทุกเจ้า รวมถึง Meta และ YouTube ต้องสร้าง Creator Market Place แปลว่ามีสัญญาณบางอย่างระบุว่า โลกของครีเอเตอร์ส่งผลกับอุตสาหกรรมพอสมควร” อรรถวุฒิกล่าว
อรรถวุฒิยังชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้ทั่วโลกมีการใช้จ่ายเม็ดเงินโฆษณาไปกับครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของการบริโภคสื่อดั้งเดิม นับว่าเป็นมุมที่น่าสนใจ โดยอีกสัญญาณที่ชัดมากคือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีครีเอเตอร์เกิดใหม่ 165 ล้านคน หมายความว่า 1 ใน 4 ของผู้คนออนไลน์ตอนนี้คือครีเอเตอร์
นอกจากนี้ อรรถวุฒิเปิดเผยอีกว่า 75% ของมาร์เก็ตติ้ง 1,700 รายทั่วโลก มีแผนจะลงทุนใน TikTok เพิ่มขึ้นในปี 2023 ที่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงต้องสนใจ TikTok โดยอีกปัจจัยที่ทำให้เราต้องสนใจ TikTok คือ Gen Z หรือมิลเลนเนียล ใช้เวลามากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันบน TikTok ส่วน Gen X ไม่ได้ไม่ใช้เวลา แต่ใช้เวลาน้อยกว่าเท่านั้น
ใช้ TikTok ให้เป็น ต้องเข้าใจคนใน TikTok ก่อน
อรรถวุฒิแนะอีกว่า หลังจากเห็นความสำคัญของ TikTok ในอนาคตอันนี้แล้ว การใช้แพลตฟอร์มให้เป็น จำเป็นต้องทำความเข้าใจคนที่อยู่ในแพลตฟอร์มก่อนว่ามีแนวคิด (Mindset) อย่างไรบ้าง ได้แก่
- ‘Me-Time’ Mindset คือสนใจตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องการผ่อนคลาย ทำความต้องการของตัวเอง
- ‘FOMO’ Mindset เพื่อตามทันผู้คน สังคม และทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
- ‘Better we, Better me’ Mindset เพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น
- ‘Level Up’ Mindset เพื่อเรียนรู้ และมองหาการศึกษาที่บันเทิง
- ‘Jumpstarter’ Mindset เพื่อริเริ่มและค้นหาความหมายและคุณค่าต่างๆ
แพลตฟอร์มจะเดินต่อได้ ต้องสร้างรายได้ให้แก่ผู้ใช้
ขณะที่ ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารค่ายเพลง XOXO Entertainment ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้จำนวนครีเอเตอร์ในยุคนี้เพิ่มขึ้นอย่างมา เริ่มมาจากการทำคอนเทนต์ใน YouTube ที่ทำให้คนมีรายได้ ขณะที่ TikTok ก็เป็นแพลตฟอร์มที่ทำให้การเป็นครีเอเตอร์ง่ายขึ้นอีก โดยจะเห็นว่า วิดีโอบน TikTok ที่ฮิตเกิน 80% มาจากการถ่ายด้วยวิธีง่ายๆ ทำให้คนส่วนมากเป็นหันมาใช้ TikTok เนื่องจากอยากเป็นครีเอเตอร์ ซึ่งในที่สุดนำมาสู่การมีรายได้
โดยจะเห็นได้ว่า “บน YouTube ยังต้องการความสวยงามอยู่ แต่บน TikTok การมีไอเดียเป็นหลัก ความสวยงามเป็นรอง” ชลากรณ์กล่าวย้ำ
จากประเด็นดังกล่าว ชลากรณ์จึงมองว่า หัวใจสำคัญที่แพลตฟอร์มเดินหน้าต่อไปได้ คือความสามารถในการสร้างรายได้แก่ผู้ใช้ แต่หากแพลตฟอร์มใดเป็นแค่ของเล่นก็มักจะไปต่อไม่ได้
