The Son คือภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยมจากผู้กำกับ Florian Zeller เจ้าของผลงานอย่าง The Father (2020) โดยครั้งนี้ Florian Zeller ยังคงพาผู้ชมไปสำรวจห้วงอารมณ์ความรู้สึกของพ่อเช่นเดิม ผ่านแง่มุมของพ่อที่ต้องดูแลลูกชายที่กำลังประสบปัญหาใหญ่ในชีวิต พร้อมได้ทีมนักแสดงนำมากฝีมือมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว นำโดย Hugh Jackman, Laura Dern, Vanessa Kirby, Zen McGrath และ Anthony Hopkins
The Son คือผลงานที่ Florian Zeller นำบทละครของตนเองที่เคยสร้างความฮือฮาทั้งในฝรั่งเศสและอังกฤษมาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ โดยบอกเล่าเรื่องราวของ Peter (Hugh Jackman) ชายหนุ่มที่ชีวิตกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นทั้งในแง่การงานและครอบครัว แต่แล้ววันหนึ่ง Kate (Laura Dern) ภรรยาเก่าของเขาได้เดินทางมาที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือ เนื่องจาก Nicholas (Zen McGrath) ลูกชายของเขากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างและอาจถูกไล่ออกจากโรงเรียน และการโคจรมาพบกันอีกครั้งของสองพ่อลูกครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ Peter ขบคิดกับคำถามสำคัญว่า ‘เขาเป็นพ่อที่แย่หรือเปล่า’
The Son ยังเป็นผลงานที่ Florian Zeller พาผู้ชมไปสำรวจแง่มุมความเจ็บปวดและแหลกสลายของมนุษย์เช่นเดิม หลังจากผลงานก่อนหน้าอย่าง The Father ที่พูดถึงชีวิตของชายชราคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมและลูกสาวที่ต้องคอยดูแลพ่อ
ซึ่งครั้งนี้ Florian Zeller เลือกหยิบนำประเด็นเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามาเป็นแกนหลักของเรื่อง และร้อยเรียงเข้ากับเรื่องราวความสัมพันธ์ครอบครัวที่ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครภายในเรื่องได้ไม่ยาก เพื่อสะท้อนภาพให้เราเห็นว่าโรคซึมเศร้านับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวเรา และควรจะได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนและใกล้ชิด
โดยบอกเล่าผ่าน Nicholas เด็กหนุ่มวัย 17 ปีที่เริ่มรู้สึกว่าตนเองจะเริ่มไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตในแต่ละวัน โดยที่ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่กำลังเผชิญอยู่คืออะไรกันแน่ เพื่อพาผู้ชม (และพ่อแม่ทุกคน) เข้าไปสำรวจความรู้สึกของเด็กๆ ที่กำลังเผชิญกับอาการดังกล่าว
พร้อมกันนั้นภาพยนตร์ยังฉายภาพให้เราเห็นถึงแง่มุมของพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแลลูกชายที่กำลังป่วย ทั้ง Kate แม่ และอดีตภรรยาของ Peter ที่ไม่รู้ว่าควรจะช่วยเหลือลูกชายอย่างไร และ Peter พ่อที่เพิ่งจะมีลูกอีกคนกับภรรยาใหม่อย่าง Beth รวมถึงหน้าที่การงานก็กำลังจะไปได้ดี แต่เขาต้องแบ่งเวลามาช่วยดูแล Nicholas ให้มากขึ้น
เรื่องราวในฝั่งของครอบครัวก็ทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้เราเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อแม่นั้นส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจของลูกเสมอ ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็พาเราเข้าไปสำรวจแง่มุมของพ่ออย่าง Peter ที่นอกจากจะต้องคอยดูแลลูกชายอย่างใกล้ชิดแล้ว เขายังต้องเผชิญกับบาดแผลภายในจิตใจของตัวละครที่ค่อยๆ ทำให้เขาได้สำรวจแง่มุมของการเป็นพ่อที่หลายครั้งก็อาจจะไม่ดีนักไปพร้อมกัน
ซึ่งทีมนักแสดงนำต่างก็นำเสนอห้วงอารมณ์ของตัวละครจนทำให้เราสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดและเจ็บปวดที่ตัวละครกำลังเผชิญได้ดี โดยเฉพาะ Hugh Jackman ที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านสีหน้า แววตา กิริยาท่าทางออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งแง่มุมของการเป็นพ่อที่อยากจะอยู่เคียงข้างลูกชายเพื่อทำให้เขามีความสุข ไปจนถึงความเศร้าโศกที่เขาต้องแบกรับไว้ จนบางครั้งก็ทำให้เขาอ่อนแอเกินจะรับไหว ซึ่ง Hugh Jackman ก็สามารถตรึงให้เราอยู่กับตัวละครตัวนี้ไปได้ตลอดทั้งเรื่อง
ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็มีจุดที่เราแอบติดขัดอยู่เล็กน้อยกับเหตุการณ์ในช่วงสุดท้ายของเรื่องที่ทำให้เราตั้งคำถามกับการตัดสินใจของตัวละครที่ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร ทั้งๆ ที่เนื้อหาในช่วงองก์ที่ 1 และ 2 ของเรื่องค่อนข้างนำเสนอออกมาได้ดีมากๆ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายมันกลับทำให้เราเกิดคำถามกับการกระทำของตัวละครและส่งให้การตัดสินใจของตัวละครดูไม่มีน้ำหนักพอสมควร
ในภาพรวมแล้ว The Son เป็นภาพยนตร์ที่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าอาจจะไม่เหมาะกับผู้ชมที่มีความอ่อนไหวกับประเด็นที่ภาพยนตร์นำเสนอเท่าไรนัก เพราะผู้กำกับและทีมสร้างค่อนข้างถ่ายทอดความเจ็บปวดและเศร้าโศกที่ตัวละครต้องเผชิญให้เราสัมผัสอย่างไม่ออมมือ
แต่หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ดราม่าที่อัดแน่นไปด้วยความจริงจัง มีประเด็นหนักหน่วง และการแสดงของทีมนักแสดงนำที่บีบคั้นหัวใจ เราคิดว่า The Son เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดมวลอารมณ์ดังกล่าวออกมาได้ดีและน่าติดตามทีเดียว
The Son เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ เฉพาะโรงภาพยนตร์ House Samyan
รับชมตัวอย่างได้ที่
