วันนี้ (22 กันยายน) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผ่านบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ศึกษาการทดสอบภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยจากการได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยทำการศึกษาในกลุ่มประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac แล้ว 2 เข็ม และกระตุ้นเข็ม 3 เป็นวัคซีน AstraZeneca อายุระหว่าง 18-60 ปี จำนวน 95 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
- กลุ่มแรกฉีดวัคซีน AstraZeneca 1 โดส (0.5 ml) เข้ากล้ามเนื้อ จำนวน 30 คน
- กลุ่มที่ 2 ฉีดวัคซีน AstraZeneca 1/5 โดส (0.1 ml) เข้าในผิวหนัง จำนวน 31 คน (ระยะศึกษา 4-8 สัปดาห์)
- กลุ่ม 3 ฉีดวัคซีน AstraZeneca 1/5 โดส (0.1 ml) เข้าในผิวหนัง จำนวน 34 คน (ระยะศึกษา 8-12 สัปดาห์)
โดยทำการศึกษาจากการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน (Antibody Responses) และการตอบสนองของทีเซลล์ (T Cell Responses)
ผลการศึกษา 14 วันหลังจากได้รับการกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 พบว่า กลุ่มที่ 1 ฉีดวัคซีน AstraZeneca 1 โดส เข้ากล้ามเนื้อ ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,652 AU (Arbitrary Unit) ส่วนกลุ่มที่ 2 และ 3 ฉีดวัคซีน AstraZeneca 1/5 โดส เข้าในผิวหนัง ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,300.5 AU (Arbitrary Unit) จากเดิมหลังฉีดวัคซีน Sinovac 2 เข็ม ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 128.7 AU (Arbitrary Unit)
นอกจากนี้ระดับภูมิคุ้มกันในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา การกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีน AstraZeneca ฉีดเข้าในผิวหนังสามารถยับยั้งได้ถึง 234.4 AU (Arbitrary Unit) จากเดิมที่ฉีด Sinovac 2 เข็ม ยับยั้งได้ 16.3 AU (Arbitrary Unit) ส่วนการตอบสนองของเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือทีเซลล์ต่อโปรตีนหนามแหลมของเชื้อไวรัสโควิด ซึ่งมีหน้าที่สู้กับไวรัสเมื่อไวรัสเข้าสู่เซลล์แล้ว พบว่า ทั้ง 3 กลุ่มมีการทำงานของทีเซลล์ต่อโปรตีนหนามแหลมที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่ฉีด Sinovac 2 เข็ม
นพ.ศุภกิจกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับอาการข้างเคียง 7 วันหลังการได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 พบว่าการฉีดในผิวหนังจะมีอาการแดง บวม และคัน มากกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ส่วนการฉีดเข้ากล้ามเนื้อจะมีอาการปวดเมื่อย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และหนาวสั่น มากกว่าการฉีดในผิวหนัง
“ข้อดีของการฉีดวัคซีนเข้าในผิวหนังคือ มีคนที่ได้รับวัคซีนเป็นไข้ในอัตราส่วนที่ลดลงเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ โดยที่ยังกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีพอๆ กัน เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงวัคซีน เพราะใช้วัคซีนปริมาณน้อยกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ” นพ.ศุภกิจกล่าว