หลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในหน้าสื่อได้ระยะหนึ่ง ในที่สุด ‘อนาคตใหม่’ คือชื่อพรรคที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และกลุ่มของเขาได้เคาะแล้วเพื่อใช้ยื่นจดแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในวันนี้
ที่งานจิบกาแฟกับธนาธรวันนี้ บรรยากาศหนาแน่นไปด้วยทัพสื่อมวลชนที่มุ่งหน้ามายัง Warehouse 30 ณ ซอยเจริญกรุง 30 ด้วยมีนัดหมายกับ ‘ไพร่หมื่นล้าน’ และทีมของเขา ซึ่งมี ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นอีกหนึ่งหัวหอกสำคัญในการรวบรวมพลพรรค
THE STANDARD สรุปสาระสำคัญของเสียง ‘อนาคตใหม่’ ที่ได้ประกาศต่อสาธารณชนมาให้ประชาชนได้พินิจคำมั่นที่พวกเขากล้าประกาศว่าจะทำ และนั่นคือโจทย์ที่เราต้องจับตาถึงการพิสูจน์ตัวตนในก้าวต่อไป
จุดยืนสร้างสังคมประชาธิปไตยใหม่ ทวงคืนอนาคตประเทศไทย
ธนาธรประกาศในวันนี้โดยพูดถึงการสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เป็นหัวใจหลัก และย้ำชัดเจนว่าอำนาจนอกระบบไม่สามารถที่จะเข้ามาแก้ไขได้ เพราะอนาคตใหม่คือการเชิดชูคุณค่าประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน เป็นการต่อสู้เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า และเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ เพราะทุกคนมีความฝันและจินตนาการ ดังนั้นทุกคนจึงมีสิทธิที่จะได้เดินตามความฝันและปกป้องความฝันตัวเองไว้
ขณะที่ปิยบุตรอธิบายโดยตั้งคำถามกลับไปถึงทุกคนว่า ตัวเราเองและลูกหลานจะมีอนาคตแบบใดในประเทศที่อยู่ในความขัดแย้งทางการเมืองอย่างร้าวลึกมากว่าทศวรรษในประเทศที่เกิดการรัฐประหารซ้ำซาก และนี่จึงนำมาสู่การรวมตัวกันก่อตั้งพรรคเพื่อความหวังในการกลับสู่ประชาธิปไตย เพื่อเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ และเพื่อปรับภูมิทัศน์การเมืองไทยให้ดีขึ้น จะทำให้ประชาชนคนไทยเห็นร่วมกันว่าเราสามารถกลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตยได้ ทำให้ประชาชนเห็นว่าความขัดแย้งสามารถแก้ได้ด้วยมือของพวกเขาเอง
“นี่คือห้วงเวลาทางประวัติศาสตร์ หากประชาชนไม่ร่วมมือกันกำหนดอนาคตของตนเองเพื่อนำพาประเทศไทยออกจากทศวรรษที่สูญหายนี้ ประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้ และเราอาจไม่มีโอกาสฟื้นมันกลับมาได้อีกแล้ว ต้องออกจากทศวรรษที่สูญหาย มุ่งหน้าสู่ทศวรรษแห่งการทวงคืนอนาคต ร่วมทวงคืนอนาคตของเรา อนาคตของประเทศไทย อนาคตใหม่เพื่อประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เพื่อประเทศไทยที่มีอนาคต”
พร้อมชนทุกกลุ่มที่ข้ามเส้นจุดยืน ไม่ขอสังคายนากับ ‘อประชาธิปไตย’
ธนาธรยังตอบคำถามถึงภาพของสมาชิกบางคนที่ดูเหมือนเลือกข้างและเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองในทางการเมืองว่า “เราไม่ได้เลือกข้าง แต่เรามีจุดยืน” โดยขยายความถึงรูปธรรมให้ชัดลงไปถึงการแสดงออกว่า “ถ้าข้างไหนที่ข้ามเส้นจุดยืนนี้ เราต่อต้านและโจมตี และที่ผ่านมาสมาชิกชัดเจนในเรื่องนี้ ถ้าตราบใดไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย คุณทักษิณ หรือพลเอก ประยุทธ์ ถ้าข้ามเส้นจุดยืนเมื่อไร เราจะวิพากษ์วิจารณ์ทันที เราจะต่อต้านทันที เราจะถือหางทางการเมืองกับคนที่มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องทันที”
ธนาธรยังประกาศบนเวทีอีกว่า “ตราบใดก็ตามที่เราทำงานการเมืองอยู่ เราจะไม่ประนีประนอมกับจุดยืนอย่างนี้ ถ้าพรรคอนาคตใหม่ประนีประนอมกับจุดยืนต่างๆ เหล่านี้ ผมจะเป็นคนแรกที่ลาออกเอง”
ขณะเดียวกันยังประกาศจุดยืนด้วยว่า “เราไม่รับนายกฯ คนนอก และไม่รับส่วนประกอบที่เป็นอประชาธิปไตยทั้งหมด เราขอไม่มีส่วนร่วมกับกระบวนการนั้น”
ประกาศลบภาพนายทุน ใช้การระดมทุนจากประชาชน พรรคเป็นของทุกคน
ภาพนายทุนยังคงถูกฉายผ่านสถานะของธนาธรในฐานะทายาททางธุรกิจที่มั่งคั่ง เขาประกาศว่า วิธีลบภาพนายทุนนั้นง่ายมากด้วยการทำให้พรรคนี้เป็นพรรคที่ยืนอยู่ด้วยหลักการประชาธิปไตย และการสร้างประชาธิปไตยจะเริ่มที่นี่ จะต้องเป็นโมเดลของสังคมที่เราอยากให้เป็น ไม่ใช่พรรคธนาธรหรือพรรคปิยบุตร
ธนาธรบอกว่าจะต้องทำให้ประชาธิปไตยอยู่ในกระบวนการตัดสินใจทุกลำดับ ตั้งแต่การเลือกผู้สมัคร การกำหนดทิศทางของพรรค การทำยุทธศาสตร์พรรค ไปจนถึงการทำนโยบายพรรค ทุกลำดับขั้นของการตัดสินใจในพรรคต้องยึดโยงกับสมาชิกพรรค
“ผมไม่ต้องการให้พรรคนี้เป็นพรรคที่เติบโตและอยู่ต่อไปด้วยเงินจากกระเป๋าของผม และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะทำ สิ่งที่เราจะทำคือทำให้พรรคการเมืองนี้สามารถระดมทุนจากประชาชนได้จริง และจะไม่มีใครสักคนหนึ่งที่แข็งแรงและมีอำนาจเหนือสมาชิกพรรค เพราะเงินไม่ได้มาจากเขาหรือเธอคนนั้น”
จุดยืนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
แน่นอนว่าคำถามนี้พุ่งตรงไปที่ปิยบุตรในฐานะสมาชิกคณะนิติราษฎร์ เมื่อเขาสวมหมวกนักวิชาการ เขาได้เคยประกาศแนวทางดังกล่าว แต่เมื่อต้องกระโดดสู่หมวกใบใหม่ในฐานะนักการเมือง ปิยบุตรอธิบายว่าการเป็นสมาชิกคณะนิติราษฎร์คือเกียรติยศและความภูมิใจในชีวิต
ที่ผ่านมาเขาเคยร่วมกับอาจารย์หลายคนเสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งกันและทำลายศัตรูทางการเมือง ซึ่งการเสนอให้แก้ไขนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ
“สถาบันพระมหากษัตริย์จะดำรงอยู่ได้อย่างมีเสถียรภาพ มั่นคง และมีเกียรติยศ ทันสมัย สอดคล้องกับประชาธิปไตย หากกฎหมายอาญามาตรานี้ถูกปรับปรุง” ปิยบุตรกล่าว
ส่วนจะมีโอกาสที่ได้ทำหรือไม่ ณ เวลานี้ปิยบุตรก็ตอบไม่ได้ โดยให้เหตุผลว่า “พรรคการเมืองนี้ไม่ใช่ของผม ผมมีความคิดแบบนี้ แต่เรื่องจะสำเร็จหรือไม่ จะเสนอหรือไม่ และจะเป็นนโยบายหรือไม่ อยู่ที่สมาชิกพรรคและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน”
ประกาศเป็นพรรคทางหลัก ไม่ใช่ทางเลือก พร้อมสู้เต็มที่กับทุกพรรค
ขณะที่การรวมตัวเพื่อก่อตั้งพรรคครั้งนี้มีผู้ร่วมอุดมการณ์ที่หลากหลาย และทุกคนมีพลังที่อยากจะสร้างสังคมประชาธิปไตยใหม่ ธนาธรบอกว่าเขาพร้อมสู้ทุกสนาม ทุกเขตเลือกตั้ง ให้ ‘อนาคตใหม่’ ไม่ใช่พรรคทางเลือก แต่จะเป็นพรรคทางหลักของสังคมในการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาประชาธิปไตย
“ทุกพรรคการเมืองจะเป็นคู่แข่งทางการเมือง เราจะต่อสู้ในทุกสนาม ทุกเขตเลือกตั้ง ในทุกชนชั้นอาชีพ เพื่อทุกคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นคะแนนเสียงของเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พรรคเกรียน ทุกสมรภูมิเราจะต่อสู้เพื่อทุกคะแนนเสียง เพื่อให้พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคทางหลักของสังคมให้ได้” ธนาธรกล่าว
มองรัฐประหารทำเสียเวลาทางเศรษฐกิจในห้วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
คำถามที่น่าสนใจจากสื่อมวลชนถูกโยนขึ้นบนเวทีถึง ‘ทศวรรษที่สูญหาย’ ว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาในสายตาของธนาธรและปิยบุตร มองว่าการรัฐประหารทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสอะไรไปบ้าง และพรรคอนาคตใหม่มีอะไรที่ทำให้สังคมเชื่อมั่นว่าคือความหวังและจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ต่างจากเดิม
“เสียอะไรไปบ้าง ผมคิดว่าเราเสียเวลาทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล เพราะสังคมทั้งสังคมเอาพลัง เอาความศรัทธาซึ่งกันและกัน เอาองค์กรอิสระต่างๆ ไปเอาชนะกันในทางการเมือง ไม่มีใครมองเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจเลย รัฐบาลทหารปกครองประเทศมาแล้ว 4 ปี เท่ากับรัฐบาลจากการเลือกตั้งหนึ่งเทอม เราเห็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันใดๆ บ้างจากนโยบาย ผมคิดว่าผมไม่เห็น” ธนาธรตอบ และยังขยายความเพิ่มอีกว่า
“ต้นทุนของความสงบสุขเยอะเกินไป ต้นทุนของความสงบสุขในวันนี้เป็นความสงบสุขที่ฉาบฉวย และต้องจ่ายด้วยสิทธิเสรีภาพของประชาชน และต้องจ่ายด้วยการหยุดพัฒนาเศรษฐกิจในรอบหลายปีที่ผ่านมา มันเยอะและแพงเกินไป”
พรรคคนรุ่นใหม่ที่หลากหลาย และคำสบประมาทจากคนรุ่นเก่าว่าประสบการณ์น้อย
ในการจดแจ้งตั้งพรรคการเมือง ‘อนาคตใหม่’ ในวันนี้ หากไล่ดูตัวบุคคลจะพบว่ามาจากกลุ่มที่หลากหลาย และอยู่ในช่วงอายุที่น้อยสุดคือ 20 ปี และมากที่สุดที่ 60 ปี จากจำนวน 26 คนที่มีชื่อในวันนี้
ธนาธรอธิบายว่า ตั้งแต่มีความคิดริเริ่มตั้งพรรค เขาพบแต่ความสดใสและพลัง รวมทั้งความคิดว่าเป็นอนาคตใหม่ที่เป็นไปได้ เขาไม่มีข้อสงสัยใดๆในศักยภาพของคนเหล่านี้ และในทางกลับกัน เขาได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากกลุ่มคนเหล่านี้มากมาย
“ผมคิดว่ามันเป็นความเชื่อที่ผิดว่าปัญหาจะต้องแก้ด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์เยอะ ผมเชื่อว่าเรามีคนอีกเยอะที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมแก้ปัญหานี้ได้”
เลือกใช้สีส้มและโลโก้สามเหลี่ยมกลับหัว
บรรยากาศวันนี้ ธีมงานถูกฉาบทาไปด้วยสีส้ม หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการนำเอาสีเหลืองและแดง ซึ่งเป็นสัญญะแห่งความขัดแย้งที่ถูกใช้เป็นภาพแทนขั้วต่างทางการเมืองของสังคมไทยมาเป็นฐานของการเลือกสีที่ต้องการสื่อความหมายหรือไม่
“ยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากการเอาสีเหลืองกับสีแดงมาผสมกันอย่างที่บางคนพยายามเชื่อมโยง” ธนาธรอธิบาย พร้อมขยายความว่านี่คือสีแห่งรุ่งอรุณของวันใหม่ วันที่เราตื่นขึ้นมาด้วยความหวัง
ถัดมาที่โลโก้อันเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่ใช้แทนตัวตนของพรรค ธนาธรได้อธิบายว่า “เป็นรูปสามเหลี่ยมกลับหัว เพราะต้องการสื่อให้เห็นว่าด้านบนคือประชาชนซึ่งเป็นคนจำนวนมาก พรรคจะยกระดับให้ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินใจ มีส่วนร่วมทางการเมือง”
เปิดรายชื่อผู้ร่วมก่อตั้ง ‘อนาคตใหม่’
- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
- ปิยบุตร แสงกนกกุล
- กฤตนัน ดิษฐบรรจง แกนนำกลุ่มเยาวชนอาสา ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- กันต์พงศ์ ทวีสุข ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาต่อต่างประเทศ ก้อปันกัน
- กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา
- ไกลก้อง ไวทยการ ผู้ปฏิบัติงานด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสังคม สถาบันเทคโนโลยีเพื่อสังคม
- คริส โปตระนันทน์ นักธุรกิจ-นักกฎหมาย
- เคท ครั้งพิบูลย์ นักปกป้องสิทธิของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ
- ชำนาญ จันทร์เรือง อาจารย์พิเศษด้านการเมืองและกฎหมาย ผู้ยกร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร
- โชติรส นาคสุทธิ์ นักเขียนเรื่องความสัมพันธ์เชิงอำนาจของมนุษย์ เรื่องเพศและสิทธิเหนือร่างกาย
- ไชยวัฒน์ วรรณโคตร นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ นักเขียน นักแปลอิสระ
- เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นักปรุงเบียร์ นักธุรกิจ มัคคุเทศก์อิสระ
- ธัญญานันต์ คูอนุพงศ์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์
- ธารารัตน์ ปัญญา นักปกป้องสิทธิผู้หญิง
- นลัทพร ไกรฤกษ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวคนพิการ ThisAble.me
- ปรัชญา เพชรวิสิทธิ์ คนทำหนัง นักศึกษา
- เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการองค์กร Newground
- ฟารีด ดามาเร๊าะ ประธานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาไทยมุสลิม
- ภูวกร ศรีเนียน นักจัดรายการทีวีและนักรณรงค์การเมือง
- วรกร ฤทัยวาณิชกุล ผู้บริหาร Hello Filmmaker
- วิภาพรรณ วงษ์สว่าง ผู้ก่อตั้ง thaiconsent.org นักออกแบบสื่อเพื่อสังคม
- ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์มหาวิทยาลัย นักกิจกรรมทางการเมือง
- สุรินทร์ คำสุข ประธานสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์
- อนุกูล ทรายเพชร เกษตรกรยุคดิจิทัล นักธุรกิจเพื่อสังคม
- อลิสา บินดุส๊ะ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทำงานร่วมกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของรัฐ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เหมืองลิกไนต์บ้านแหง จังหวัดลำปาง