The Economist Intelligence Unit (EIU) ได้เผยรายชื่อเมืองที่แพงที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยออกมาแล้ว ในปีนี้ เทลอาวีฟ จากอิสราเอลเป็นเมืองที่ได้ตำแหน่งเมืองที่แพงที่สุดสำหรับการอยู่อาศัย และเป็นปีแรกที่ครองอันดับ 1 ของการจัดอันดับนี้ จากเดิมที่เคยครองอันดับ 5 มาก่อน
เทลอาวีฟ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอิสราเอล ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ และเทคโนโลยีของอิสราเอล
การไต่อันดับของเทลอาวีฟขึ้นสู่อันดับ 1 ของการจัดอันดับค่าครองชีพโลกของ EIU นี้ สะท้อนให้เห็นถึงมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของสกุลเงินของอิสราเอลเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ราคาสินค้าที่วางขายในเมืองก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับร้านขายของชำ
การสำรวจพบว่าเทลอาวีฟเป็นเมืองที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการขนส่งแพงเป็นอันดับ 2 ของโลก ส่วนของใช้ส่วนตัวนั้นแพงเป็นอันดับ 5 ตามมาด้วยกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจที่แพงเป็นอันดับ 6
ส่วนปารีสก็ถูกดันลงมาที่อันดับ 2 ร่วมกับสิงคโปร์ จากปีที่แล้วที่ปารีส สิงคโปร์ และซูริกเคยครองอันดับ 2 ร่วมกัน
Ron Huldai นายกเทศมนตรีของเทลอาวีฟเตือนในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Haaretz ว่าราคาทรัพย์สินที่สูงขึ้น ซึ่งไม่รวมอยู่ในการคำนวณของ EIU หมายความว่าเมืองนี้กำลังมุ่งหน้าไปสู่การระเบิดของราคา
“การอยู่อาศัยในเทลอาวีฟจะแพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่อิสราเอลทั้งประเทศมีราคาในการอยู่อาศัยแพงขึ้น
“ปัญหาพื้นฐานคือในอิสราเอลไม่มีศูนย์กลางเมืองอื่นใดเลย อย่างในสหรัฐอเมริกานั้นมีทั้งนิวยอร์ก ชิคาโก ไมอามี และอื่นๆ ในสหราชอาณาจักรก็มีลอนดอน แมนเชสเตอร์ และลิเวอร์พูล ที่คุณสามารถย้ายไปอยู่อาศัยในเมืองอื่นได้ ถ้าพบว่าตอนนี้เมืองที่อาศัยอยู่นั้นค่าครองชีพหนักเกินไป”
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองเทลอาวีฟ เมืองแห่งพลังและการเริ่มต้นใหม่ได้ที่ ‘TEL AVIV เมืองแห่งพลังและการเริ่มต้นใหม่’
ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต