‘ตรุษจีน’ ถือเป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดสำหรับไตรมาส 1 ที่บรรดาค้าปลีกต่างทุ่มงบเพื่อชิงกำลังซื้อกันอย่างคึกคัก อย่างกลุ่ม ‘เดอะมอลล์และสยามพิวรรธน์’ ทุ่มเงินหลัก 100 ล้านบาท เพื่อดึงทั้งทราฟฟิก-ยอดขาย ทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยว
วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจรีเทลในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 มีความคึกคักมาก กำลังซื้อของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าชาวไทย ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากนโยบายของภาครัฐ ‘โครงการช้อปดีมีคืน’ จึงมั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลดีต่อเดอะมอลล์ กรุ๊ป โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับห้างสรรพสินค้ากลุ่มเดอะมอลล์ กว่า 30% และเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์การค้ากว่า 30%
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณที่ดีจากกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากเอเชีย ยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย, อินเดีย, สปป.ลาว, กัมพูชา ซึ่งเดินทางเข้ามาจำนวนมากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา
สอดคล้องกับศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ Economic Intelligence Center (EIC) ที่ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 28.3 ล้านคนในปี 2566 จากความต้องการท่องเที่ยวที่ยังอยู่ในระดับสูง และจีนมีแนวโน้มทยอยผ่อนคลายนโยบาย Zero-COVID โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมนี้
สำหรับตรุษจีนปีนี้ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เตรียมงบประมาณ 150 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ ‘THE MALL GROUP HAPPY CHINESE NEW YEAR 2023 JOY LUCK LOVE’ ตกแต่งทั่วทั้งศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า ถ่ายทอดผ่าน ‘กระต่าย’ นักษัตรประจำปี 2566 ภายใต้คอนเซปต์ ‘โชคดีปีเถาะ เหาะรับเฮง’ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองปีเถาะเริ่มต้นปีใหม่ พร้อมจัดเต็มโปรโมชันพิเศษทั้งห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า
“เรามั่นใจว่าแคมเปญใหญ่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าสร้างยอดขายตลอดเทศกาลตรุษจีนได้กว่า 3,000 ล้านบาท และคาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนทราฟฟิกให้กับศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์ กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเวลาปกติ” วรลักษณ์กล่าว
ด้าน สรัลธร อัศเวศน์ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2566 ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีสำหรับธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า ด้วยปัจจัยสนับสนุนธุรกิจ ได้แก่ การที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่มีการจับจ่ายสูงในปีนี้ มีกำหนดช่วงเทศกาลอยู่ในเดือนมกราคม
ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์มีเทศกาลวาเลนไทน์ ซึ่งคาดว่าบรรยากาศจะคึกคักมากกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีสถานการณ์โควิด พร้อมกันนี้ภาครัฐยังมีมาตรการ ช้อปดีมีคืน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยผลักดันกระตุ้นการจับจ่าย เกิดเงินสะพัดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
“กลุ่มวันสยาม ได้จัดเตรียมแคมเปญส่งเสริมการตลาดแบบจัดเต็มต่อเนื่องด้วยงบประมาณที่เตรียมไว้สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566 ไว้กว่า 500 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนจะมีทราฟฟิกผู้คนเข้ามาจับจ่ายในศูนย์การค้ากลุ่มวันสยามกว่าวันละ 450,000 คน”
ในโอกาสนี้ได้ผนึกกำลังโกลบอลเดสติเนชั่นใจกลางกรุงเทพฯ ทั้ง สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เร่งเครื่องต้นปี 2566 กระหน่ำแคมเปญต่อเนื่อง ฉลองตรุษจีนกระต่ายทอง เปิดแคมเปญ ‘ONESIAM Golden Prosperous Chinese New Year 2023’ ระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ปลุกกำลังกระตุ้นการจับจ่ายสู่ระบบเศรษฐกิจ กระหน่ำอีเวนต์และตกแต่งศูนย์การค้า สร้างบรรยากาศคึกคักต้อนรับทั้งนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมอัดแคมเปญรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ฉลองเทศกาลตรุษจีนภายใต้มาตรการสุขอนามัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘จีนเปิดประเทศ’ เร็วกว่าคาด ประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศ เริ่ม 8 มกราคมปีหน้า
- ประกาศแล้ว! อิตาลีเตรียมบังคับผู้เดินทางจากจีนทุกรายตรวจโควิดก่อนเข้าประเทศ หลังพบผู้เดินทางจากจีนสู่มิลานครึ่งหนึ่ง ‘ติดโควิด’
- หอการค้าฯ มองตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าอาจสูงถึง 25 ล้านคน หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ แนะภาคบริการเร่งเตรียมพร้อมรองรับ