×

คุยกับ Flower.far ดอกไม้จากหาดใหญ่ กับศักยภาพที่พาเธอไปไกลระดับสากล

03.03.2023
  • LOADING...
Flower.far

HIGHLIGHTS

6 MIN READ
  • ฟาร์เคยเป็นนักร้องของโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย เคยทำวงไปประกวดเวที Hotwave Music Awards ปี 2018 และผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่เพิ่งมาเรียนร้องเพลงจริงจังตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้เธอเรียนอยู่ปี 4 ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • เพลง ตัดไปให้พอ มาจากความรู้สึกในช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนที่ฟาร์เลือกจะปล่อยความเศร้าทิ้งไป ลุกขึ้นมาลองทำอะไรใหม่ๆ กล้าตัดผมสั้น เปลี่ยนการแต่งตัว เริ่มร้องเพลงลงโซเชียล รับงานแต่งเพลงให้คนอื่น
  • COLORS ติดต่อมาพร้อมโจทย์ว่า จะต้องร้องเพลงใหม่ที่ไม่เคยปล่อยมาก่อน เพลง Walk Away จึงเกิดมาจากการทำงานภายในเวลา 2 วันก่อนไปถ่ายทำ

เดือนมกราคมที่ผ่านมา Flower.far หรือ ฟาร์-พิชญานิน หนูศรี จากค่าย YUPP! เพิ่งได้รับเลือกจากนิตยสาร NME ให้เป็น 1 ใน 100 ศิลปินที่น่าจับตามองประจำปี 2023 ตามมาด้วยการร่วมงานกับ COLORS แพลตฟอร์มดังที่เปิดพื้นที่ต้อนรับศิลปินหน้าใหม่จากทั่วโลก เช่น Billie Eilish, Doja Cat, Daniel Caesar และ ภูมิ วิภูริศ ฯลฯ

 

เสียงร้องสไตล์ R&B ของเธอโดดเด่นมากๆ ตั้งแต่ออดิชันเข้ามาเป็นเทรนนีโปรเจกต์ YOUNG YUPP! จนกระทั่งได้เดบิวต์เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว นับเป็นศิลปินหญิงคนที่สองของค่ายถัดจาก MILLI ปัจจุบันเธอมีผลงานที่แต่งด้วยตัวเองทั้งภาษาไทยและอังกฤษคือ Like a Fool, ตัดไปให้พอ และ Walk Away จากโชว์ COLORS ซึ่งเพิ่งปล่อยมิวสิกวิดีโอตามมา

 

THE STANDARD POP ชวนมาทำความรู้จักกับฟาร์ ดอกไม้จากหาดใหญ่ที่เติบโตมากับเพลงหลากหลายแนว จนมาเป็นศิลปินเต็มตัวที่ได้แสดงสีสันให้ชาวต่างชาติเห็นศักยภาพและรอคอยผลงานก้าวต่อๆ ไปของเธอในปีนี้

 

 

Flower.far มาจากชื่อเล่นของฟาร์ที่พ่อแม่ตั้งให้คือ ‘ฟลาวเวอร์’ ให้ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเปรียบตัวเองเป็นดอกไม้หนึ่งชนิดจะเป็นอะไรดี

Flower.far: ส่วนมากที่ได้ยินจากคนอื่นจะบอกว่าเราสดใสเหมือนดอกเดซี่ หรือจะเป็นดอกกุหลาบที่ทั้งสวยและมีหนาม แต่ในใจเราคิดว่าบางทีเราไม่ได้สดใสขนาดนั้น อาจจะเป็นดอกไม้ที่มีทั้งความสุขและความหม่น ซึ่งเราก็ยังหาอยู่ว่าดอกไม้อะไรที่มีทั้งความสดใสและความหม่นเศร้าอยู่ในตัว

 

ย้อนไปในวัยเด็ก ฟาร์เป็นเด็กแบบไหน แล้วเริ่มฟังเพลงหรือสนใจการร้องเพลงช่วงไหน

Flower.far: ตอนเด็กๆ ซนมาก ที่บ้านบอกว่าเราเป็นเด็กที่ดื้อที่สุดของตระกูล ชอบทำร้ายพี่สาว ชอบไปหยิก ชอบหมั่นไส้คนอื่น นั่นแหละคือ Flower.far ตอนเด็กๆ พ่อกับแม่เรามักจะร้องเพลงเล่นดนตรีทุกวันตอนกินข้าว-กินเหล้านิดหน่อยตามประสาคนบ้านๆ เขาก็จะชวนลูกๆ มานั่งจอย เต้น แล้วเราเป็นลูกคนสุดท้อง เวลาที่บ้านเขาร้องเพลงกันเราก็จะลุกขึ้นเต้นตลกๆ

 

แม่เราฟัง Mariah Carey สายร้องอย่างนั้นเลย ส่วนคุณพ่อฟังสายเมนสตรีม คาราบาว เพลงสมัยก่อน รักคือฝันไป เพลงสากล เพลงคันทรีก็ฟัง พอช่วงเด็กเราฟังเพลงหลายแนว ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง ไปจนถึงเพลงสากล โตขึ้นเลยทำให้ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องแนวเพลง เปิดได้ทุกแนว

 

เราเริ่มมาร้องเพลงจริงๆ จังๆ ตอน ม.4 เพราะย้ายมาโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย แล้วสอบเข้าในฐานะนักร้องของโรงเรียน ก็เลยกลายเป็นนักร้องที่ต้องแข่งงานศิลปหัตถกรรมด้วย

 

หนึ่งในนั้นคือ Hotwave Music Awards 2018 ซึ่งเข้าไปถึงรอบ Fanal ด้วย แต่เราสังเกตว่าการร้องตอนนั้นแตกต่างกับตอนนี้ที่ฟาร์มีสไตล์ชัดพอสมควร

Flower.far: ใช่ค่ะ ตอนประกวด Hotwave ฟาร์จะร้องเสียงกดมาก เป็นธรรมดาที่อาจารย์เขาจะให้เราร้องเสียงใหญ่ เสียงแข็งแรง แล้วคนที่เสียงแหลมเล็กแบบเราต้องไปร้องใหญ่ๆ เลยกลายเป็นคนร้องแปลกๆ ไปเลยตอนนั้น แต่ว่าก็ทำให้ชนะนะ ซึ่งมันดี แต่แค่ไม่ใช่ตัวเรา

 

ที่ผ่านมาฟาร์ร้องเพลงแบบไม่ได้เรียน มาเรียนร้องเพลงจริงจังคือตอนมหาวิทยาลัย (วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล) ได้ฟังอาจารย์คอมเมนต์ก็เลยสังเกตตัวเองว่าจริงๆ แล้วเสียงเราเป็นอย่างไร พอได้ใช้แล้วเสียงเริ่มเป็นธรรมชาติ เริ่มได้ยิน ได้รับฟังตัวเองมากขึ้น และด้วยความที่ชอบฟังเพลงแจ๊ส เพลงกอสเปลอยู่แล้ว ทำให้ได้รับการร้องเพลงสไตล์นี้มาด้วย

 

 

ปักธงตั้งแต่มัธยมเลยไหมว่าอนาคตจะทำอาชีพนักร้อง

Flower.far: เราเลือกเรียนมหิดลเพราะอยากรู้เรื่องดนตรี เรารักดนตรีมากจริงๆ อยากทำด้านนี้ แต่ตอนนั้นไม่รู้นะว่าเราจะได้เป็นอะไร แค่คิดว่าต้องเรียนรู้ว่าดนตรีมีรายละเอียดอะไรบ้าง ต้องรู้ที่มาของมัน

 

ตอนนั้นเราเป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่มีคอนเน็กชัน เราอยากเป็นศิลปินแต่ก็อยู่ในที่เล็กๆ เป็นเด็กใต้คนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราคิดแค่ว่าถ้าได้ไปอยู่ในที่ที่ล้อมไปด้วยศิลปินและนักดนตรีเก่งๆ อาจทำให้เราได้มีคนรู้จักบ้าง อย่างน้อยๆ คือเราเดินเข้าหาแล้วกัน ไปในที่ที่มีคนเรียน ก็เลยได้ย้ายออกมากรุงเทพฯ เอ้ย ศาลายา (หัวเราะ)

 

ก็ได้เจอนักดนตรี ได้แสดงผลงานด้วย คือถ้าเราอยู่ในที่เล็กๆ เราไม่มีโอกาสได้แสดง ร้องเพลงก็ไม่มีใครฟังเพราะไม่มีชื่อเสียง พอเราโนเนม คนไม่รู้ว่าเราคือใคร บางทีเขาอาจไม่ได้สนใจขนาดนั้น นั่นคือที่มาว่าเราจะต้องเข้าไปอยู่ในที่ที่มีคนแบบนั้น เราถึงจะได้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น

 

จากหาดใหญ่สู่ศาลายา มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างทั้งในแง่การใช้ชีวิตและการเรียน

Flower.far: เปลี่ยนมากค่ะ หลังจากที่อยู่กับพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก พอเราเข้ามหาวิทยาลัยแล้วต้องเข้ามาอยู่คนเดียว ก็จะมีเรื่องการจัดตารางชีวิต ใครจะปลุกตอนเช้า ใครซักผ้า ใครทำงานบ้าน บางทีเราเหงา ไม่มีใครคอยให้กำลังใจ ก็ต้องให้กำลังใจตัวเองเวลาท้อแท้ แต่มันดีอย่างหนึ่งคือ เราได้เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างและใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เป็นการฝึกฝนที่ดีในอีกขั้นหนึ่งของการเติบโต

 

ฟาร์เป็นคนไม่ค่อยเครียดเรื่องเรียน เพราะถ้าเครียดแล้วไม่มีความสุข แต่จะหาเวลาให้ตัวเองได้ไปร้องเพลงเล่นๆ บ้าง คือเราไม่อยากคิดว่าการเรียนเป็นเรื่องเครียด เรามองว่ามันเป็นสิ่งที่รัก แต่บางวิชาที่ เฮ้อ เรียนทำไม ก็จะไม่ค่อยเอาความรู้สึกไปลง เรียนเสร็จแล้วก็หาเวลาไปหาความสุขอย่างอื่นแทนมากกว่า

 

 

เริ่มเขียนเพลงเองช่วงไหน

Flower.far: เราเรียนเอกขับร้อง ช่วงปี 1-2 หลักๆ จะเป็นวิชาทฤษฎีดนตรี พอปี 3 จะมีเรื่องการเตรียมตัวเป็นศิลปิน สอนการเขียนเพลง แต่งอัลบั้มของตัวเอง ที่จริงเคยเขียนกับเพื่อนๆ เล่นๆ เป็นเพลงไทยช่วงปี 2 แต่พอขึ้นปี 3 มีคนมาชวนให้แต่งอัลบั้มให้ ปรากฏว่าพอทำแล้วมันได้ มันดี ก็เลยมาจริงจังช่วงนี้ คือเขียนปุ๊บส่งไปออดิชันค่าย YUPP! แล้วก็ผ่านเลย งงมาก เร็วมากค่ะ

 

Like a Fool กับ ตัดไปให้พอ สองซิงเกิลที่ผ่านมา ฟาร์ขึ้นเนื้อเพลงและเมโลดี้มาเองตั้งแต่แรก

Flower.far: ใช่ค่ะ แต่บางทีเรื่องเนื้อเพลงภาษาอังกฤษก็อาจปรึกษาคนรอบข้างด้วย เพราะตัวเราเองยังต้องฝึกภาษาอยู่ ค่ายก็จะช่วยออกความคิดเห็นร่วมด้วย เช่น ท่อนสั้นไปนะ ลองเพิ่มไหม แต่เวลาทำเพลงหลักๆ ฟาร์จะเป็นคนดีไซน์คอร์ดก่อน แล้วมีน หรือ MENO (โปรดิวเซอร์) เพื่อนของฟาร์ คอยทำเพลงหน้าคอมพิวเตอร์ เป็นคนอัดดนตรี เล่นกีตาร์ให้ เราก็จะคอยบอกว่าต้องเล่นอย่างนี้ อยากได้แบบนี้

 

การเขียนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษกับภาษาไทยยาก-ง่ายต่างกันอย่างไรบ้าง

Flower.far: ถ้าเป็นภาษาไทยจะแต่งยากกว่าตรงที่มีการบังคับวรรณยุกต์ แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษคือเราดีไซน์เมโลดี้ได้เลย เพราะว่าภาษาอังกฤษสามารถร้องได้หลายอย่างมากๆ ก็เลยชอบแต่งเป็นภาษาอังกฤษ เพราะบางทีเมโลดี้ที่ฟาร์คิดมันต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

 

 

เนื้อเพลงของฟาร์พูดถึง Toxic Relationship หรือการเจอกับความสัมพันธ์ที่สับสน เจ็บปวด ไอเดียเหล่านี้มาจากประสบการณ์ตรงหรือเปล่า

Flower.far: เพลงส่วนมากมาจากสิ่งที่เจอและจากความรู้สึกจริงๆ ถ้ารู้สึกอะไรก็จะเขียนแบบนั้น มันจะยากถ้าเขียนโดยที่ไม่ได้รู้สึก แต่บางทีก็จะมโนเก่งเหมือนกัน (หัวเราะ) ถ้ามีใครจ้างเขียนก็จะมโนว่าเราเป็นเขา แต่ถ้าเป็นเพลงตัวเองจะมาจากความรู้สึก

 

อันนี้ยังไม่เคยบอกใครเลย ที่จริงเพลง ตัดไปให้พอ เป็นสถานการณ์ที่เราเจอก่อนจะแต่ง Like a Fool อีก อย่าง Like a Fool จะเล่าว่า เธอมันเป็นผู้ชายแบดๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อใจเธอหรอก แต่ว่า ตัดไปให้พอ คือคนที่เจ็บช้ำจากความรักมาและอยากจะยืนด้วยตัวเองให้ได้ จะตัดจากเธอจริงๆ นะ จะไม่เอาแล้ว จริงๆ หมายถึงตัดผมด้วย เพราะฟาร์ก็เคยตัดผมสั้นก่อนหน้านี้

 

เหตุการณ์อะไรทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเอง

Flower.far: ช่วงปี 2-3 จะมีเหตุการณ์ทะเลาะกับที่บ้านและเพื่อนๆ ที่เคยทำเพลงด้วยกันมา คือก่อนหน้านี้เราเคยทำเพลงกับเพื่อนๆ แบบเป็นวง อยู่ด้วยกันมาเป็นปี สนิทกันมาก ปรากฏว่าพอทะเลาะกันปุ๊บเราเป็นคนออกมาคนเดียว มันก็เข้าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อชีวิตด้วยมั้ง เป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตและไม่มีใครเลย แต่ยังมีคุณอา มีอะไรบ้างที่คอยให้กำลังใจ

 

พอเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต มันมี 2 ทาง คือ จะทำให้ดีที่สุดหรือจะไปในทางเศร้าจนชีวิตย่ำแย่ ต้องเลือกแล้วว่ากูจะอยู่ตรงนี้หรือตรงนี้ ตอนนั้นเป็นช่วงซึมเศร้ามากๆ ด้วย แล้วเราได้ยินคำพูดของอาที่ทำให้ดึงตัวเองขึ้นมาได้ กลายเป็นว่าเราพยายามจะดันตัวเองออกไป ปล่อยทิ้งความย่ำแย่ ความเศร้าของชีวิต ปี 3 ปุ๊บเลยเลือกที่จะทิ้งหมดทุกอย่างแบบเพลง ตัดไปให้พอ

 

เราลุกขึ้นมากล้าแต่งตัว กล้าตัดผม เรารู้สึกว่าเราทำอะไรแล้วดูดีขึ้นมา เริ่มกล้าขึ้น เริ่มรู้สึกว่าอยากทำอะไรให้ตัวเองแล้ว เริ่มรับงานแต่งเพลงให้คนอื่นและให้ตัวเอง เริ่มร้องเพลงลงโซเชียล หลังจากนั้นมีหลายคนติดต่อมาอยากให้เราไปร้องเพลง เลยรู้สึกว่ามันมีอยู่ 2 ทาง คือ เราจะไปทางแย่หรือดีที่สุด ซึ่งเราก็พยายามทำตัวเองให้ดีที่สุด

 

Flower.far – ตัดไปให้พอ (Prod. by MENO) 

 

เรื่องเพลงเราพร้อมเต็มที่ แล้วมีฝึกฝนอะไรบ้างในช่วงเป็นเทรนนีค่าย YUPP!

Flower.far: จะเป็นเรื่องเต้น เรื่องการแสดงออกเวลาเราอยู่บนเวที ทำอย่างไรให้ดึงคนฟังได้ หรือทำอย่างไรให้เราแสดงร่างกายออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้เข้ากับเพลง อย่างตอนถ่าย MV เพลง Like a Fool ครั้งแรก เราไปเรียนเต้น มีคนที่เขาช่วยดีไซน์ท่าเต้นให้ เป็นท่าเสือ ท่างู เขาก็จะบอกว่า การเคลื่อนไหวของงูมันเลื้อยแบบไหน เวลาที่เราหมุนกระดูก งูจะพับลง ทำให้เข้าใจมูฟเมนต์ของงูมากขึ้น

 

ความรู้สึกตอนถ่าย MV ครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง รวมถึงการได้ร้องเพลงของตัวเองในคอนเสิร์ตครั้งแรกด้วย

Flower.far: Like a Fool เป็นการถ่าย MV ครั้งแรกเลย แล้วครั้งแรกก็ต้องยากเสมอ พอเดินเข้าไปในกองถ่ายคือมีคนเยอะมาก ตื่นเต้นมาก แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง พอถ่ายเสร็จแล้วรู้สึกว่าโอเค แต่ยังตื่นเต้นอยู่นะ แล้วพอเพลงที่ 2-3 เราก็เริ่มชินแล้ว

 

ส่วนคอนเสิร์ตครั้งแรกรู้สึกเหมือนฝันค่ะ เฮ้ย มันเป็นไปได้แล้วว่ะ เราไม่เคยทำมาก่อนเลยที่ได้ร้องเพลงตัวเองบนเวทีใหญ่ขนาดนี้ รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ตอนนั้นก็หยิกตัวเองอยู่ว่ามันจริงหรือเปล่า แต่มันก็ได้ทำแล้ว

 

 

ที่ผ่านมาฟาร์มีวิธีจัดการกับความตื่นเต้นอย่างไร

Flower.far: คนเราห้ามความตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ นะ ตื่นเต้นแล้วมันก็ตื่นเต้นอยู่อย่างนั้น แต่ทุกครั้งเราก็ใช้ความตื่นเต้นนี่แหละทำออกมาให้ดีที่สุด เขาเรียกว่าเอาให้สุดตัว สิ่งที่คิดตลอดเวลาที่ร้องเพลงคือ มันตื่นเต้นเว้ย แต่ก็ต้องร้อง ทำไงได้ ก็ไปเลย!

 

เดบิวต์ไม่นานก็ได้ขึ้นคอนเสิร์ต ASEAN Music Showcase Festival 2022 ที่สิงคโปร์ ล่าสุดร่วมงานกับ COLORS ซึ่งเป็นระดับ Global รีแคปให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

Flower.far: ตอนไปงานสิงคโปร์ คนที่โน่นดูว้าวกับเสียงเรานะ ทุกคนเอ็นจอยมากตอนเราร้องเพลง เขาเชียร์อัพมากๆ ตะโกนกันแบบว่า เอาเลย! ก็รู้สึกว่าต่างประเทศก็เอากับเราด้วย พอ COLORS ติดต่อมา ตอนแรกเราคิดในใจว่าเขาอาจจะเจอที่งานนั้นหรือเปล่า เพราะชาวต่างชาติเจอกันเยอะ คิดว่าอาจจะมาจากตรงนั้น ตอนเขาติดต่อมาพี่ๆ ที่ค่ายยังตกใจว่ามาได้ยังไงเนี่ย ทุกคนเซอร์ไพรส์มากที่ได้ไป

 

แล้วทาง COLORS ให้โจทย์มาว่า จะต้องร้องเพลงใหม่ที่ไม่เคยปล่อยมาก่อน พอรู้ว่าเราได้ไปก็คือวันนั้นเราไปอยู่ที่ค่าย นั่งทำการบ้านกัน 2 วันจนได้เพลง Walk Away ที่จะไปร้องที่เวียดนาม ตอนนั้นมีนมานั่งแต่งด้วย แต่งเพลง-ทำเพลงจนถึง 6 โมงเช้า เสร็จแล้วก็ส่งไปหาเขาเลย

 

ปกติแต่งเพลงเร็วแบบนี้อยู่แล้วหรือเปล่า

Flower.far: จริงๆ เป็นคนแต่งเพลงเร็ว แต่ว่าติดนิสัยขี้เกียจ อย่างเพลง Like a Fool จริงๆ แล้วขึ้นเพลงวันเดียวเสร็จเลย แต่ทิ้งไว้เป็นปี เพราะว่าไม่เคยอัดเพลง จนกระทั่งอยากจะส่งค่ายถึงได้ทำเป็นเพลง ก็คือเป็นมนุษย์เดดไลน์นั่นเอง

 

Flower.far – Walk Away | A COLORS SHOW 

 

นอกจากแนวแจ๊ส โซล หรืออาร์แอนด์บีที่เป็นเอกลักษณ์ของฟาร์ มีแนวเพลงแบบไหนที่รู้สึกว่าคอนทราสต์และอยากลองทำดูบ้าง

Flower.far: เราชอบเมทัล หรือ Progressive Rock ซึ่งจะเป็นแนวที่ตอนแรกแบบ โห มันคืออะไร ไม่เข้าใจ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ จะสนุก รู้สึกท้าทายไปกับมัน

 

คล้ายๆ ที่เคยร้องในช่อง Coverดีๆมักจะมาตอนเมากาว หรือเปล่า

Flower.far: ประมาณนั้นค่ะ จริงๆ ช่องนี้ทำให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำเหมือนกัน เช่น ทำเพลง เฮอร์ไมโอน้อง เป็น J-Rock เอาเพลง abcdefu มาผสมลูกทุ่ง เราก็สุดตัวเหมือนกันนะกับเมากาว

 

แล้วนอกจากการทำเพลง มีความสามารถด้านอื่นๆ ที่คิดว่าอยากให้คนอื่นเห็นไหม

Flower.far: คิดว่าคงเป็นเรื่องเต้น อยากเต้นจริงจังแบบแม่ Doja Cat ที่เต้นบนเวที หรือโหนสลิงห้อยลงมาแบบนั้น เราอยากทำมาก มีอย่างอื่นอีกไหมนะ ชอบกินเป็นความสามารถไหม กินเก่ง (หัวเราะ) ถ้าเป็นเครื่องดนตรี เราเล่นเปียโนได้ เล่นกีตาร์ ยื่นกีตาร์มาให้แล้วเราโซโล่โชว์คนฟัง เราก็อยากทำ มันเท่มาก

 

บางมุมที่ไม่ค่อยมีใครเห็นก็จะเป็นมุมที่ฟาร์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ฟาร์ชอบขี่รถใหญ่ บิ๊กไบค์หรือพวกรถฮาร์ลีย์ มุมนั้นจะมีคนเคยแอบเห็นแล้วบอกว่าเท่ 

 

แฟชั่นของฟาร์ที่เห็นใน Instagram ก็มีความพังก์ร็อกเหมือนกัน มีใครเป็นโรลโมเดลไหม

Flower.far: เราเป็นวัยรุ่น Pinterest หรือไม่ก็วัยรุ่น Y2K ถ้าให้บอกเป็นลักษณะคือเราจะชอบความโยงๆ ยาวๆ เลื้อยๆ จะต้องมีความคอนทราสต์หรือไม่ค่อยเข้ากัน งงมากว่าทำไมตัวเองชอบ เพราะโดนด่าตลอดเวลาที่ใส่ แต่ตัวเองชอบนะ แบบมีสายๆ ผูกๆ ถ้าให้ยกศิลปินก็จะชอบแบบ Doja Cat เขาแต่งตัวสวย

 

เพิ่งมารู้จักรักการแต่งตัวตอนอยู่ปี 3 ช่วงปี 2-3 ของเราเป็นช่วงเปลี่ยนการแต่งตัว เปลี่ยนความคิด กล้าทำอะไรแบบนี้ เพราะตอนปี 1 ฟาร์เรียบร้อยมาก กระโปรงนักศึกษายาวลงไปถึงตาตุ่ม ผมหยิกไม่เอานะ ต้องหนีบให้ตรง ไม่แต่งหน้า ไม่ดัดฟัน ไม่อะไรเลย เรียบร้อยมาก ต้องสวดมนต์ก่อนนอน พอเข้าปี 3 เท่านั้นแหละ กระโปรงสั้นมาถึงนี่เลย

 

เห็นติดแทตทูบ่อยด้วย อยากลองสักจริงๆ หรือเปล่า

Flower.far: อยากสักมาก แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นลายอะไรดี ยังไม่ได้ดีไซน์เลย แต่รู้ว่าตัวเองต้องสักแน่ๆ อาจจะรอโตกว่านี้นิดหนึ่งก่อน

 

 

เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ทำให้เราเปลี่ยนแปลงทัศนคติหรือมุมมองการใช้ชีวิตไปอย่างไรบ้างไหม

Flower.far: มันก็แตกต่างกันนะ แต่ก่อนเราเอาแต่เรียน ไม่ได้สนใจจะทำงานเลย เรียนแล้วก็กลับไปอ่านหนังสือ เพราะเราคือเนิร์ดคนหนึ่ง แต่พอทำงานและเรียนไปด้วยทุกอย่างก็รุมเข้ามาทีเดียว ก็ต้องจัดการตารางชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น แต่จริงๆ ยังทำได้ไม่เก่งเท่าไร

 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีเรื่องทัศนคติ พอเราได้เจอคนที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เราได้เรียนรู้วิธีการคิด การพูดของเขา เหมือนแต่ก่อนเป็นคนคิดลบ ทำไมต้องทำแบบโน้น ทำไมต้องทำแบบนี้ แต่พอเจอคนเยอะๆ เราเริ่มรู้สึกว่าทุกคนมีเหตุผล มีที่มาที่ไป ทำให้เข้าใจคนอื่นมากขึ้น เลยรู้สึกว่าทัศนคติบวกมันส่งผลดีต่อการทำงานกับคนรอบข้างและตัวเองด้วย บางคนอาจจะบอกว่า โอ๊ย คิดบวกเกินไป โลกสวย แต่จริงๆ เราแค่มองทุกอย่างตามความเป็นจริง

 

เวลารู้สึกเหนื่อย ฟาร์มีวิธีรับมือแบบไหนบ้าง

Flower.far: ถ้าให้เลือกก็จะมีอยู่ 2-3 ข้อที่ฟาร์ใช้ คือโทรหาคุณอา เขาจะเป็นคนที่คอยพูดให้กำลังใจเรา วิธีที่สองคือการหยุดพักไปทำอย่างอื่น อย่างน้อยไปนอนนิ่งๆ หรือไปหาอะไรกินก็ได้ เนี่ย ต้องหาเรื่องกินตลอดเลยเนอะ (หัวเราะ)

 

บางทีก็จะออกไปข้างนอก ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ก็ช่วยเหมือนกัน คือเราหากำลังใจได้จากตัวเองและได้รับจากคนอื่นด้วย เพราะบางทีคนเราไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น ก็ต้องมีมุมที่อ่อนแอ ต้องการใครสักคนเหมือนกัน

 

เป้าหมายของศิลปินที่ชื่อว่า Flower.far ต่อจากนี้

Flower.far: ฟาร์คิดว่าอยากจะแต่งเพลงให้มีชื่อเสียง มีเพลงดังสักหน่อย อยากทำเพลงที่คนอื่นเข้าถึงได้ และตั้งเป้าหมายไว้ว่า อยากทัวร์คอนเสิร์ตไปต่างประเทศ แต่หลักๆ เลยคืออยากทำเพลงออกมาให้ดีที่สุด

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X