ประตูขึ้นนำ 1-0 ในเกมยูโร 2024 รอบคัดเลือกในเกมที่ทีมชาติอังกฤษพบกับทีมชาติยูเครน ทำให้สถิติการทำประตูในนามทีม ‘สิงโตคำราม’ ของ แฮร์รี เคน ขยับไปที่ 55 ประตูแล้ว และเป็นการยืนยันสถานะของคีย์แมนที่เป็นความหวังของทีมในปัจจุบัน
แต่เขาไม่ใช่คนที่ทุกคนพูดถึงมากนักหลังจบเกมนี้ ซึ่งทีมของ แกเร็ธ เซาท์เกต คว้าชัยชนะได้ 2-0 ซึ่งเป็นการชนะรวด 2 เกมแรกที่ทำให้เส้นทางสู่ยูโรในปีหน้าดูสดใสขึ้นมาก เพราะคนที่ถูกพูดถึงมากกว่าคือ บูกาโย ซากา ผู้ทำประตูที่ 2 ของเกม
การลากตัดในจากขวาเข้ามาของเขาก่อนปั่นโค้งด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่ายเป็นเหมือนการส่งสัญญาณให้ทุกคนได้รู้ตัวว่า ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้ในตำแหน่งผู้เล่นปีกขวาไม่มีใครจะร้อนแรงไปกว่าสตาร์จากทีมอาร์เซนอลคนนี้แล้ว
ที่สำคัญกว่านั้นมันคือการประกาศจากเจ้าตัวเองว่าเขาได้ยกระดับตัวเองไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอีกขั้น ที่หากยังไม่ใช่ก็นับว่าใกล้เคียงกับคำว่าระดับโลกมากขึ้นทุกที
ภาพของซากาในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ของเรื่องราวดีๆ ที่สามารถนำมาบอกเล่าเป็นแรงบันดาลใจให้ใครฟังก็ได้ในโลก
ว่าต่อให้คุณต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่มืดมนอนธการขนาดไหน ถูกจงเกลียดจงชังจากคนมากมาย จิตใจถูกทับถมด้วยคำด่าทอเหยียดหยามแค่ไหน แต่ตราบใดที่เรายังเก็บประกายแสงในตัวเองเอาไว้ไม่ให้มันถูกความมืดกลืนกินแล้ว เราจะผ่านมันมาได้และกลับมาได้เสมอ
เหมือนซากาที่ครั้งหนึ่งแทบกลายเป็น ‘ซาก’ จากนัดชิงชนะเลิศยูโร 2020 เมื่อเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังในเกม 120 นาที และยังเป็นคนที่สังหารจุดโทษพลาดเป็นคนสุดท้าย ทำให้ทีมชาติอังกฤษพลาดโอกาสที่จะล้างอาถรรพ์ไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลรายการระดับเมเจอร์
ครั้งนั้นซากา (รวมถึง จาดอน ซานโช และ มาร์คัส แรชฟอร์ด) ตกเป็นเหยื่อของการ Cyberbullying จากเกรียนฟุตบอลที่พากันขึ้นรถทัวร์มาถล่มเขาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียด้วยคำพูดที่หยาบคาย ต่ำตม ข่มขู่ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ
ราวกับว่าซากาไม่ได้มีเลือดสีแดงเหมือนกัน
จุดที่เขาเผชิญนั้นหากไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับที่ เดวิด เบ็คแฮม อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษเคยเจอมาก่อนหลังโดนใบแดงในเกมฟุตบอลโลก 1998 นัดที่พบกับอาร์เจนตินา (แบบเสียทีให้กับ ดิเอโก ซิเมโอเน) ที่ถึงกับทำให้รู้สึกว่าแทบจะไม่มีแผ่นดินอยู่
ซากาอาจจะไม่ถึงกับตกเป็นจำเลยของแผ่นดินขนาดนั้น แต่สิ่งที่เขาต้องเผชิญและแบกรับมันหนักหนาไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงการที่ในเวลานั้นเขายังเป็นเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำไป ซึ่งผลกระทบทางจิตใจโดยเฉพาะจากภัยบนโซเชียลต่อนักฟุตบอลสมัยใหม่นั้นรุนแรงมาก และมีกรณีให้เห็นหลายครั้งที่นักเตะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจรุนแรงจนผลงานตกต่ำหาทางกลับมาไม่เจอ
หลายคนกังวลว่าสตาร์อาร์เซนอลจะมีชะตากรรมแบบนั้น
เพียงแต่เคราะห์ดีที่ซากาได้รับการปกป้องจากครอบครัวที่สั่งให้เขาตัดขาดจากโซเชียลมีเดียสักระยะหนึ่ง ทำให้ ‘แผลสด’ ในใจไม่ได้ถูกซ้ำเติมจนบอบช้ำมากนัก การใช้เวลาอยู่กับคนที่เขารักและรักเขาทำให้จิตใจได้รับการเยียวยาขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของเขาได้ดีและไวที่สุดคือเรื่องราวของ ‘Wall of Saka’ ในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2021/22
โดยหลังจบนัดชิงยูโร 2020 (ที่เจอโควิดจนต้องเลื่อนมาแข่งในปี 2021) สโมสรอาร์เซนอลได้รับจดหมายเข้ามาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล หลายร้อยหลายพันฉบับ จดหมายเหล่านี้ถูกส่งมาจากแฟนฟุตบอลทั่วประเทศที่ได้รู้ว่าซากาต้องตกเป็นเหยื่อของเกรียนฟุตบอลออนไลน์ จึงต้องการส่งกำลังใจมาให้
‘อยากให้รู้ว่ารักเธอ’ คือสิ่งที่พวกเขาต้องการจะบอก
กำลังใจนั้นมีทั้งจากเด็กตัวน้อยวัยแค่ 8 ขวบอย่าง ‘ชาร์ลี’ ที่ต่อมาได้กลายเป็น Pen Pal (เพื่อนที่เขียนจดหมายโต้ตอบกัน) กับซากา หรือ สตีฟ ไบร์น คนขับรถบัสในลอนดอนที่เป็น Gooners มาตลอดชีวิตที่ส่งการ์ดพร้อมข้อความให้กำลังใจ
“คุณจะกลับมายืนหยัดและโบยบินได้อีกครั้ง คุณคือแรงบันดาลใจของผม”
กำลังใจที่ส่งมาเหล่านี้คือประจุพลังงานอย่างดีที่ทำให้ซากามีกำลังใจมากขึ้นที่จะต่อสู้กลับมา เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง และมากกว่านั้นคือการที่มีคนอีกมากมายที่เฝ้าดูเขาอยู่ด้วยความปรารถนาดี และหวังว่าจะเห็นเขาทำได้ดี ซึ่งมันจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนเหล่านั้น
ดังนั้นตั้งแต่ฤดูกาล 2021/22 เป็นต้นมา สตาร์รายนี้จึงค่อยๆ เดินหน้า พยายามพัฒนาการเล่นของตัวเองขึ้นเรื่อยๆ จนถึงในฤดูกาลนี้ที่ดูเหมือนสิ่งดีๆ ที่ทำมาจะเริ่มได้รับผลตอบแทนมากขึ้น
ในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในรอบ 19 ปีของอาร์เซนอล ซากาเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่สุดของทีมที่ลงสนามช่วยทีมได้ตลอดโดยที่แทบไม่เคยหายหน้าหายตาไปไหน และสิ่งที่แตกต่างจากหลายฤดูกาลก่อนหน้าคือ ในฤดูกาลนี้การเล่นของเขาถูกขัดเกลาให้ดีขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะในเรื่องการเล่นจังหวะสุดท้ายที่เฉียบคมขึ้นกว่าเดิมมาก จับทางได้ยากเพราะถึงใครก็รู้ว่าถนัดซ้ายแต่ก็หาทางหยุดไม่ได้เพราะความเร็ว จังหวะการเล่น การอ่านสถานการณ์ ไปจนถึงการพลิกแพลงไปเล่นด้วยเท้าขวา
จนถึงเวลานี้ซากาทำไปแล้ว 12 ประตู กับอีก 10 แอสซิสต์ ซึ่งภาษาฟุตบอลเรียกว่า ‘Double Figures’ เป็นคนแรกของฤดูกาล 2022/23
แต่สิ่งที่ดูเหมือนซากาจะทำได้ดีขึ้นไปอีกคือเรื่องของการจบสกอร์ที่แม้แต่ แกเร็ธ เซาท์เกต ยังต้องเอ่ยปากชม “นั่นคือส่วนของความเฉียบคมที่เขาเติมเข้ามาในการเล่นของเขาในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาหรืออาจจะนานกว่านั้น
“ก่อนนี้อาจจะเคยมีช่วงเวลาที่เราไม่แน่ใจว่าเขาจะจบสกอร์หรือเปล่า แต่ตอนนี้เขามีความมั่นใจเวลาที่อยู่ตรงหน้าประตู”
นายใหญ่สิงโตคำรามเชื่อว่ามี 3 สิ่งที่ทำให้ซากาเดินทางทะลุหลุมดำเหมือน ‘Cooper’ ตัวเอกในเรื่อง ‘Interstellar’ ได้
อย่างแรกคือความกระหายที่อยากทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างต่อมาคือความถ่อมตน ทำให้เขาไม่เคยเป็นน้ำที่เต็มแก้ว
และอย่างต่อมาคือการมีคนดีๆ อยู่รอบตัว ซึ่งเซาท์เกตมองว่าสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเตะที่อายุน้อย และโชคดีสำหรับซากาที่เขามีครอบครัวที่ดี มีผู้จัดการทีมที่ดี มีเพื่อนร่วมทีมที่ดี มีสตาฟฟ์ของสโมสรที่ดี (และเป็นผู้ปิดทองหลังพระในการดูแลซากา) รวมถึงมีแฟนบอลที่ดีที่ยืนหยัดเคียงข้างแม้ในวันที่ตกลงไปในหลุมดำ
เวลานี้ซากาไม่ได้เป็นเพียงแค่สตาร์ในทีมอาร์เซนอลแล้ว เขาคือความหวังของทีมชาติอังกฤษ
ที่ทุกคนรู้ว่าฝากความหวังเอาไว้กับเขาได้แน่นอน
อ้างอิง