วันนี้ (25 ตุลาคม) วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ต้องหาในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า จะเข้าพบบอสพอลเพื่อนำเอกสารให้ลูกความลงนามมอบอำนาจให้ตนเองไปดำเนินการตามความต้องการ
ซึ่งก็คือการตรวจสอบและพิจารณาดำเนินคดีกับ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยพยานเท็จที่อ้างว่าเป็นคนสนิทใกล้ชิดกับบอสพอล รวมถึงเผยแพร่ว่าบอสพอลเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งตำรวจออกมายืนยันแล้วว่าข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลนี้เชื่อถือไม่ได้
และอีกส่วนคือการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับทนายความชื่อดังคนหนึ่ง เป็นหนึ่งในทนายที่ออกมาเคลื่อนไหวกันเป็นกลุ่ม เพราะก่อนหน้าที่บอสทั้งหมดจะถูกจับกุม ทนายคนดังกล่าวโทรศัพท์ไปหาบอสพอลเพื่อเจรจาต่อรองให้บอสพอลจ่ายเงิน 7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการที่จะไม่นำผู้เสียหายกลุ่มนี้ไปดำเนินคดี
วิฑูรย์เผยอีกว่า ส่วนการยื่นขอประกันตัวชั่วคราวบอสพอลและอีก 10 บอสที่ดูแลอยู่นั้น จะยังไม่เกิดขึ้นภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน เพราะจะขอใช้เวลาพิจารณาเอกสารและพยานหลักฐานสำหรับการต่อสู้คดีนอกเหนือจากนี้
ส่วนกรณีที่ ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กท้าทายให้ฝั่งตนเองเปิดคลิปเสียงสนทนา เรื่องที่อ้างว่ามีหนึ่งในทนายดรีมทีมรีดเงิน 7 ล้านบาท วิฑูรย์ระบุว่า การโพสต์เฟซบุ๊กเช่นนั้นของทนายตั้มถือเป็นเรื่องดี เพราะคลิปเสียงใช้ในชั้นศาลไม่ได้ แต่การโพสต์จะช่วยทำให้ตนตรวจสอบได้ว่าผู้เสียหายของทนายตั้มต้องการเรียกเงินถึง 7 ล้านบาทจริงหรือไม่ ดังนั้นอันดับแรกตนจะไปตรวจสอบกลุ่มผู้เสียหายที่ทนายตั้มกล่าวอ้างก่อนว่า เป็นกลุ่มเปราะบางประมาณ 30 รายจริงหรือไม่ และมีจำนวนมากพอสอดคล้องไปกับยอดเงิน 7 ล้านบาทจริงหรือ ซึ่งหากไม่ถึงก็แปลได้ว่าส่วนต่างในเงินก้อนนี้และทนายตั้มเอาไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ทนายตั้มกล่าวว่า ฝั่งบอสพอลเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหาทนายตั้มก่อนในวันที่ 15 ตุลาคม เพื่อเจรจาเรื่องเงิน 7 ล้านบาทให้ชดใช้แก่กลุ่มผู้เสียหายนั้น วิฑูรย์แจงว่า ทนายตั้มบันทึกภาพหน้าจอแค่กรณีของวันที่ 15 ตุลาคม แต่ของวันที่ 16-17 ตุลาคม ทนายตั้มไม่ได้บันทึกภาพหน้าจอ นอกจากนี้ตนทราบว่าทนายตั้มเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปหา บอสปีเตอร์-กลด เศรษฐนันท์ ก่อน จากนั้นบอสพอลจึงโทรศัพท์ไปหาทนายตั้ม แต่เหมือนเป็นการโทรศัพท์ไปมาระหว่างกัน ตนจึงไม่สามารถสรุปได้ว่าใครเป็นคนโทรศัพท์ไปก่อน จึงจะขอคุยรายละเอียดกับบอสพอลอีกที
ส่วนใครจะเป็นผู้กล่าวเสนอเรื่องเงิน 7 ล้านบาทก่อนนั้นตนก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน เพราะตนเข้ามารับหน้าที่เป็นทนายความให้บอสพอลก่อนวันที่ 15 ตุลาคมเพียงไม่กี่วัน แต่ทราบเบื้องต้นว่ามีการเจรจาเรื่องนี้จริง ทั้งนี้ เลขาส่วนตัวของบอสพอลได้บันทึกเสียงสนทนาการเจรจาเรื่องเงิน 7 ล้านบาทนี้ไว้ โดยเป็นการสนทนาระหว่างทนายตั้มและบอสพอล ซึ่งการจ่ายเงินยังไม่เกิดขึ้นเพราะบอสพอลถูกจับกุมก่อน
วิฑูรย์กล่าวต่อว่า ส่วนจะนำคลิปเสียงสนทนาเรื่องเจรจาเงิน 7 ล้านบาทไปมอบให้กับตำรวจหรือไม่นั้น ขอดูหลักฐานแวดล้อมทั้งหมดก่อน เพราะศาลไม่รับฟังเรื่องคลิปเสียง ส่วนการหารือกับบรรดาทนายความท่านอื่นๆ นั้น เนื่องด้วยตนคือทนายความที่ดูแลบอสกว่า 10 คน ทั้งฝั่งบอสหญิงและบอสชาย เช่น บอสปัน, บอสพอล, บอสหมอเอก, บอสสวย ฯลฯ จึงต้องคุยกันว่าจะวางแผนแนวทางการต่อสู้คดีกันอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ทราบว่า ชูชาติ กันภัย ทนายความของ มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และ แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ทั้ง 2 คนยังไม่มีความประสงค์จะยื่นประกันตัวชั่วคราวเหมือนกัน