วันนี้ (1 มีนาคม) ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม รองประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 จะเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลเพื่อติดตามทวงร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน 31 ฉบับ ที่ยังค้างอยู่ในส่วนของรัฐบาลว่า ไม่ใช่หน้าที่ปดิพัทธ์ เล่นเกินบทบาท ทำตัวเป็นประธานที่อยู่กับฝ่ายค้าน หากตัวเองอยู่ข้างล่างไม่มีปัญหา แต่ขณะนี้ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์ อย่าให้คนมองว่าเป็นประธานที่เลือกข้าง ต้องแสดงความเป็นกลางไว้
ครูมานิตย์กล่าวอีกว่า ตนไม่เคยเห็นประวัติศาสตร์ที่รองประธานสภามาแถลงข่าวว่ารัฐบาลอย่างนั้นอย่างนี้ เรื่องของกฎหมายที่ค้างที่สภานั้น พรรคก้าวไกลมีเวลาเลยทำกฎหมายเข้าสภาได้มากกว่าปกติ แต่ในส่วนของรัฐบาลการทำกฎหมายต้องให้กฤษฎีกาดูก่อน มันต้องรอบคอบ ยิ่งกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินเรายิ่งต้องรอบคอบ
ส่วนที่ปดิพัทธ์ออกมาท้วงติงการไม่ไปตอบกระทู้ของรัฐบาล ครูมานิตย์มองว่ามันเป็นหน้าที่ของประธานวิปฝ่ายค้าน และการไปตอบกระทู้ของรัฐบาลนั้น ความจริงรัฐมนตรีบางคนก็ต้องทบทวน แต่ถ้าเป็นกระทู้สดมันก็อาจเป็นการกลั่นแกล้งกันได้ เช่น รู้ว่ารัฐมนตรีไม่อยู่ก็ยื่นกระทู้เข้ามา ตอนรัฐมนตรีอยู่ก็ไม่ถาม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าไม่เคยมีรองประธานสภาทำเช่นนี้จะสามารถเอาผิดอะไรได้หรือไม่ โดยเฉพาะในแง่จริยธรรม ครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่มีความผิดในแง่จริยธรรม แต่เป็นเรื่องของมารยาท และต้องเข้าใจวัฒนธรรมของคนเป็นประธาน ซึ่งปดิพัทธ์ก็หลุดหลายครั้งบนเวทีตอนทำหน้าที่ประธาน และการที่ตนไม่ท้วงติงการทำหน้าที่ในที่ประชุมเพราะยังให้โอกาส
เมื่อถามถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะยื่นอภิปรายตามมาตรา 153 วันที่ 25 มีนาคม รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมอย่างไร ครูมานิตย์กล่าวว่า ความจริงไม่ต้องเตรียมความพร้อมอะไร เพราะโดยข้อเท็จจริงรัฐบาลยังไม่มีเงินมาบริหารประเทศ ตอนนี้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ยังอยู่ในสภา
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายของ สว. มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะอภิปรายไปถึงประเด็นที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ครูมานิตย์กล่าวว่า เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ เชื่อว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะชี้แจงได้
ส่วนที่พรรคก้าวไกลไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ครูมานิตย์กล่าวว่า เพราะไม่มีข้อมูลเช่นเดียวกัน จะเอาข้อมูลอะไรมาอภิปราย เพราะการอภิปรายครั้งแรกต้องให้สมศักดิ์ศรี ส่วนที่ออกมาวิจารณ์เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จะนำไปอภิปรายได้หรือไม่นั้น มองว่าเรื่องดังกล่าวจะไปทำอะไรรัฐบาลได้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือมาก็มีการตั้งคณะกรรมการให้รอบคอบ ให้ทุกอย่างเรียบร้อย เรื่องนี้ตอนแรกก็ไม่มีปัญหา แต่พอจะทำคนนั้นก็ไม่เห็นด้วย คนนี้ก็ไม่เห็นด้วย จึงจำเป็นต้องหาความรอบคอบจนกว่าจะตกผลึก วันนี้อาจไม่ได้ให้ 100% ทั้งหมดแล้ว เพราะนายกรัฐมนตรีฟังเหตุผล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าซูเอี๋ยกันหรือไม่ ครูมานิตย์กล่าวว่า ไม่มี เชื่อผมเถอะว่าไม่มี แต่มันไม่มีประเด็น การอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ละครั้งเป็นเรื่องใหญ่ของฝ่ายค้าน ถ้ามีประเด็นไม่พอ ข้อมูลไม่พอ มีหลักฐานไม่พอจะเสียคน วันนี้ยังไม่มีงบประมาณมาให้ทำงาน ทาง สว. เองเขาก็ยังไม่มีประเด็น ยังยอมรับว่าจืดชืด
กฎหมายไม่ใช่หน่อไม้ ดองไม่ได้
ขณะที่ สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า รองประธานสภาไม่ต้องห่วงทำเนียบรัฐบาล เรื่องที่ผ่านมาสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ส่งหนังสือชี้แจงขั้นตอนไปแล้วว่า ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเงิน ทั้งหมดที่ค้างอยู่มีจำนวนมาก ถ้าเลือกที่จะอ่านก็ไม่มีอะไรซับซ้อน กฎหมายอะไรที่นายกรัฐมนตรียังไม่ลงนาม ก็ยังค้างอยู่ ซึ่งกฎหมายการเงินนั้นต้องรอฟังความเห็นทุกกระทรวง จึงต้องใช้เวลาพอสมควร อย่าลืมว่าเมื่อพรรคการเมืองส่งร่างกฎหมายจะสะดวกกว่า เพราะใช้แค่ สส. 20 คน แต่พอรัฐบาลจะออกกฎหมาย ต้องฟังความเห็นจากทั้งกฤษฎีกาและหน่วยงานอื่น
“ร่างกฎหมายทั้ง 31 ฉบับไม่ได้ดอง แต่อยู่ตามระบบ มันไม่ใช่หน่อไม้ ดองไม่ได้หรอก” สมคิดกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการผิดธรรมเนียมปฏิบัติมารยาทการเมืองหรือไม่ สมคิดกล่าวว่า ปดิพัทธ์ต้องคิดเอาเองว่าฝ่ายนิติบัญญัติรุกล้ำหรือไม่ ถ้ากระทรวง ทบวง กรม ทำงานช้า คุณก็จะไปบุกหรือ หากนายกรัฐมนตรีหรือฝ่ายบริหารดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็มีช่องทางให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นี่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมา
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ สมคิดกล่าวว่า คงไม่ต้องปรึกษา เพราะเรื่องนี้เป็นวิธีการของแต่ละคน ต้องคิดให้ดีว่าถูกหรือไม่ ถ้าใช่ก็ทำต่อ ถ้าไม่ใช่ก็ถอย และได้ส่งหนังสือชี้แจงไปสองครั้งแล้ว เชื่อว่าสภาไม่เกี่ยวข้องอะไร เพราะเป็นเรื่องตัวบุคคล และเชื่อว่าปดิพัทธ์คิดเอง สรุปเอง
สมคิดกล่าวว่า วันนี้อยากจะบอกฝ่ายนิติบัญญัติว่า ถ้าฝ่ายบริหารทำอะไรไม่ดี ท่านมีช่องทางอยู่แล้ว มาแบบนี้เหมือนแค่มาทำข่าว อธิบายแล้วจบกันไป ซึ่งเราตอบได้ทุกคำถาม ไม่ต้องห่วง ถ้าเห็นด้วยหรือไม่เรื่องกฎหมายการเงิน หน่วยงานจะเป็นคนรับรอง นายกรัฐมนตรีรวบรวมเฉยๆ อาจจะไม่รับรองเพราะหน่วยงานเสนอแนะ ซึ่งที่ค้างอยู่ก็เป็นกฎหมายการเงินทั้งนั้น หากเป็นกฎหมายปกติก็ผ่านช่องทางสภาได้เลย ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายการเงินใช้เวลา 3-4 เดือน ต้องเข้าใจว่ากฎหมายบางอันเสร็จแล้ว แต่นายกรัฐมนตรียังไม่ลงนาม ก็ไม่ได้แปลว่าตก
สมคิดกล่าวว่า หากวันนี้ปดิพัทธ์เดินทางมาทำเนียบรัฐบาลจริงก็ไม่มีปัญหา ถ้ามาดื่มกาแฟ แต่อย่ามาบอกว่าบุกตรวจสอบ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรไปออกข่าวแบบนั้น พร้อมย้ำว่าได้ทำหนังสือชี้แจงไปสองครั้งแล้ว ไม่มีใครอุ้มกฎหมายได้ ไม่รับรองคือไม่รับรอง กฎหมายการเงินบางฉบับที่พรรคส่งมา เทวดาก็ทำไม่ได้ เพราะมีหลายฉบับเขียนขึ้นมาเพื่อให้ทำไม่ได้ อะไรที่ดีเราไม่ทิ้ง แต่อะไรที่เกินเลยก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรีพิจารณา