ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อาเซียนกลายเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ซึ่งอาเซียนรวมถึงไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่บริษัทต่างๆ จะเข้าไปลงทุนมากขึ้น
โดย จรีพร จารุกรสกุล แม่ทัพหญิงแห่ง WHA มองว่า ก่อนไปถึงปลายปี ปีนี้ถือเป็นยุคทองของนิคมไทยที่นักลงทุนย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่อย่างเซมิคอนดักเตอร์, EV, PCB และ Data Center
จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจภาพรวมในช่วงไตรมาส 4 และภาพรวมครึ่งหลังของปี 2567 ‘มีแนวโน้มที่แข็งแกร่ง’ เนื่องจากธุรกิจสอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตและการลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ซึ่งปีนี้ WHA Group ก้าวสู่การเป็น Tech & Sustainable Company เต็มรูปแบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดเบื้องลึก ‘WHA Group’ หนึ่งในบริษัทไทยที่ได้เดินทางพบบริษัทระดับโลกร่วมกับนายกรัฐมนตรี ‘เศรษฐา’ งานนี้อาจมีลุ้นดีล Big Tech?
- ทำไมอุตสาหกรรม ‘เซมิคอนดักเตอร์’ โตเร็วสุดในเวียดนาม และยังคงเป็นเสือตัวใหม่แห่งเอเชีย
แง้มดีลใหญ่ปลายปี
ปัจจัยสำคัญคือ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต (Relocation) มายังภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มเห็นสัญญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงต้นปีนี้
“ต้องบอกว่าขณะนี้ถือเป็นยุคทองของนิคมอุตสาหกรรมไทยและอาเซียน ซึ่งจะต่อเนื่องไปอีก 1-2 ปี ที่สำคัญไทยจะได้รับอานิสงส์คลื่นการลงทุน ทั้งไม่ใช่แค่จีน แต่ยังมีไต้หวันและสหรัฐฯ ด้วย โดยส่วนใหญ่สนใจลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV), เซมิคอนดักเตอร์, PCB, Data Center และอุตสาหกรรมซัพพลายเชน ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทต้องปรับเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้เพิ่มขึ้นจากเดิม 2,275 ไร่ เป็น 2,500 ไร่”
นอกจากนี้ เร็วๆ นี้จะมีข่าวดี ซึ่งบริษัทได้เซ็นสัญญาดีลใหญ่ไปแล้ว โดยเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ซื้อที่ดินราว 400 ไร่ และยังมีการเจรจาเพิ่มพื้นที่อีกกว่า 600 ไร่ ซึ่งขณะนี้ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนตุลาคมนี้ รวมไปถึงค่ายรถ EV ที่ไม่ใช่เพียงค่าย EV จีนที่ยังอยู่ระหว่างตัดสินใจขั้นตอนสุดท้าย
ขณะเดียวกันการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน จรีพรบอกกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ยอมรับว่าในบางธุรกิจนักลงทุนบางรายอาจจะต้องรอผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนตัดสินใจลงทุน แต่ไม่ว่าตัวแทนพรรคจะเป็นเดโมแครตหรือรีพับลิกัน โดนัล ทรัมป์ จะกลับมา หรือ คามาลา แฮร์ริส จะขึ้นมาเป็นผู้นำของสหรัฐฯ “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านนโยบายสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ก็ยังมองแบบคนอเมริกันคือ ยึดความเป็น America First อเมริกาต้องมาก่อน และไม่ยอมให้เบอร์ 2 ขึ้นมาแทนที่ การหาเสียงของพรรคการเมืองจะยังมองจีนเป็นผู้ร้ายเสมอ ถ้ายังจำได้ 4 ปีที่แล้วตอนไบเดนหาเสียงก็เป็นเช่นนี้
ดังนั้นสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ จะยังเกิดขึ้นต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจคือ อาเซียนและไทยจะได้รับประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต
เตรียมเพิ่มที่ดินอีกหมื่นไร่ ลุ้นทำสถิติ All Time High ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 เล็งเป้าใหม่ ‘อินโดนีเซีย’
จรีพรย้ำว่า จากปัจจัยทั้งหมดมั่นใจว่าในช่วงครึ่งหลังภาพรวมรายได้และส่วนแบ่งกำไรของกลุ่มบริษัทฯ ปีนี้จะทะลุ 15,000 ล้านบาท มีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจัดหน่าย (EBITDA) สูงกว่า 50% ลุ้นทำสถิติ All Time High ติดต่อกันเป็นปีที่ 3
“ยอดขายที่ดินในไทยยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะที่เวียดนามก็เติบโตและกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ปี 2568 อีกทั้งบริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเกือบ 10,000 ไร่ในไทยให้เข้าสู่พอร์ตโฟลิโอในอีก 4 ปีข้างหน้า และมองประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจไปลงทุนนั่นคืออินโดนีเซีย” จรีพรกล่าว
จากปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 6 โครงการ เป็นการพัฒนาโครงการใหม่ 4 แห่ง และขยายพื้นที่โครงการเดิมอีก 2 แห่ง พร้อมอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตร สร้างคอนโดมิเนียม และรองรับนักลงทุนในพื้นที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย
มองมุมต่าง ‘จีนทำ EV ศูนย์เหรียญ’
จรีพรระบุอีกว่า กรณีที่หลายบทความกล่าวถึงการเข้ามาตั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าในไทยทำให้เกิด EV ศูนย์เหรียญนั้น มองว่า เหตุผลที่นักลงทุนเลือกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เป็นเพราะไทยมีความพร้อมทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซัพพลายเชน และอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมทั้งมีแรงงานทักษะสูง ดังนั้นเมื่อมาลงทุนที่ไทยก็จะสามารถผลิตได้ทันทีโดยไม่ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ควบคู่กับ Local Content
อีกทั้งไทยยังมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สิทธิประโยชน์การลงทุนจาก BOI และการตอบรับของตลาดภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนที่เริ่มประกาศใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยซ้ายเพิ่มเติมจากการเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อให้ต้นทุนการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตสามารถแข่งขันได้
ฝากการบ้านรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง 1
ขณะเดียวกันนโยบายการลงทุนที่อยากเสนอต่อรัฐบาลใหม่คือ การเดินหน้าออกไปโรดโชว์ต่างประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุน รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่การลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการที่ดี และเชื่อว่ารัฐบาลต้องเดินหน้าต่อไปอยู่แล้ว ทั้งยังจะเป็นเรื่องดียิ่งขึ้นหากจะมีการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) เพื่อเชื่อมต่อไปถึงโครงการแลนด์บริดจ์ให้เกิดเป็นรูปธรรม จะเกิดประโยชน์อย่างมากในอนาคต
นอกจากนี้ในฐานะภาคเอกชน ก็มีความกังวลเรื่องปัญหาเศรษฐกิจในหลายประเด็น ทั้งปัญหาการขยายตัวด้านเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) ในระดับต่ำ และปัญหาสถานการณ์หนี้ในประเทศที่สูง
โดยเฉพาะหนี้ภาคครัวเรือนและหนี้ SMEs ที่อยู่ในภาวะน่ากังวล อีกทั้งสถาบันการเงินยังมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้เพิ่มมากขึ้น และยังมีปัญหาความเชื่อมั่นในภาคตลาดทุน ส่งผลให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีอันดับเครดิตเรตติ้งไม่ดีระดมทุนผ่านตลาดหุ้นและหุ้นกู้ เพื่อนำไปขยายธุรกิจได้ยากขึ้น
ส่วนมุมมองนโยบาย Entertainment Complex นั้นไม่ถนัดเรื่องของสถานบันเทิง และประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในเดือนหน้านั้น จรีพรระบุว่า อุตสาหกรรมในนิคม WHA ล้วนเป็นแรงงานที่มีทักษะสูง ซึ่งให้ค่าแรงมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว ประเด็นนี้จึงไม่มีผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนหรือลูกค้า WHA
จรีพรทิ้งท้ายถึงมุมมองกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง บริษัทจะได้รับอานิสงส์จากการตั้งกองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง เนื่องจากหุ้น WHA และ WHART ติดอยู่ในลิสต์ที่กองทุนลงทุนได้ เพราะมี SET ESG Ratings ระดับ AA ขึ้นไป