×

The Black Panther จอร์จ เวอาห์ ไอ้เสือดำไลบีเรียผู้พลิกประวัติศาสตร์

21.12.2025
  • LOADING...
The Black Panther จอร์จ เวอาห์ ไอ้เสือดำ ไลบีเรีย ผู้พลิกประวัติศาสตร์

ด้วยความที่ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติทวีปแอฟริกา ‘แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์’ (หรือคนเฒ่าหน่อยเขาจะเรียกแอฟริกัน เนชันส์ คัพ ก็ความหมายเดียวกัน) กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะคิดถึงเหล่านักเตะจากดินแดนกาฬทวีปขึ้นมา

 

เพราะบนโลกใบนี้มีนักฟุตบอลผู้เก่งกาจมากมายจากทวีปนี้ ทวีปที่ผลิตนักเตะที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ใช่แค่เรื่องของความรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของร่างกายซึ่งเป็นความลับที่ซ่อนอยู่ใต้รหัสพันธุกรรมของเผ่าพันธุ์ แต่รวมถึงทักษะ วิธีการเล่น วิธีการคิดที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนด้วย

 

แต่หากจะให้เลือกใครสักคนขึ้นมาจากส่วนลึกของความทรงจำส่วนตัว

 

ไม่มีใครจะเกินไปกว่า จอร์จ เวอาห์

 

นักเตะผู้พลิกโฉมทั้งประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์

 

เรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นที่มอนโรเวีย (Monrovia)

 

มอนโรเวีย เป็นเมืองใหญ่ริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก อยู่ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา ความเป็นมาของเมืองนั้นไม่ได้ถึงกับมีอายุยาวนานนับพันปี เพราะเมืองแห่งนี้มีอายุราว 203 ปีหลังการเริ่มก่อตั้งในปี 1822

 

กลุ่มชนที่ก่อร่างสร้างเมืองนี้ขึ้นมาก็ไม่ใช่ชนเผ่าหรือชาวบ้านพื้นเมือง หากแต่เป็นเหล่า ‘ทาส’ ที่เดินทางข้ามมหาสมุทรมาจากอเมริกา ซึ่งเขาเหล่านี้เป็นลูกหลานของชาวแอฟริกันที่ถูกล่าไปเป็นทาสในยุคมืดมนอนธกาล ก่อนจะเดินทางกลับมายังทวีปที่เคยเป็นของบรรพบุรุษ

 

มอนโรเวีย ถูกก่อตั้งด้วยเจตจำนงของเสรี และกลายเป็นเมืองหลวงของประเทศไลบีเรีย ที่ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ในเรื่องของเศรษฐกิจและการเมือง แต่รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ทางการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของชาวแอฟริกันผู้คิดถึงการกลับบ้านเกิดเสมอ

 

และเมืองแห่งนี้คือบ้านเกิดของนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง

 

จอร์จ เวอาห์

 

The Black Panther จอร์จ เวอาห์ ไอ้เสือดำ ไลบีเรีย ผู้พลิกประวัติศาสตร์ 1

 

ชื่อของจอร์จ เวอาห์ เป็นที่เล่าลือกันในช่วงต้นยุค 90

 

ในช่วงเวลาที่โลกยังไม่สนิทกับอินเตอร์เน็ต และเราไม่รู้ว่าสังคมบนโลกออนไลน์จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกไปหมดในเวลาไม่กี่สิบปีข้างหน้า แต่ความเก่งกาจของนักเตะผิวสีคนนี้ระบือไปไกล

 

ในช่วงเวลานั้นเวอาห์ เป็นหนึ่งในขุนพลที่โดดเด่นของปารีส แซงต์-แชร์แมง หนึ่งในสโมสรฟุตบอลระดับชั้นนำของฝรั่งเศสและยุโรป ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน กร้าวแกร่ง และร้ายกาจ

 

นักข่าวอาวุโสของไทยให้สมญากับเขาตามอัตลักษณ์ ‘ไอ้เสือดำ’

 

ชื่อนั้นคล้ายคลึงกับ ‘ไอ้เสือดำแห่งโมซัมบิก’ (Black Panther และบ้างก็เคยเรียกเขาว่า Black Pearl หรือ ‘ไข่มุกดำ’ สมญาเดียวกับ เปเล่ ราชาลูกหนังตลอดกาล) ยูเซบิโอ ตำนานศูนย์หน้าผู้ยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส ที่ความจริงแล้วเป็นเชื้อสายของชาวโมซัมบิก ประเทศในแอฟริกา

 

เวอาห์ ซึ่งเกิดในปี 1966 ปีเดียวกับที่ยูเซบิโอ ผงาดเป็นดาวซัลโวของฟุตบอลยุโรป ก็เก่งกาจในเชิงลูกหนังไม่แพ้คนในเรื่องเล่าวันวาน

 

อย่างที่บอกว่าสไตล์การเล่นของเขานั้นดุดัน รวดเร็ว แข็งแกร่ง เฉียบคม แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือทักษะการเล่นที่มีความนุ่มนวล และจินตนาการความสร้างสรรค์ที่ทำให้เขาแตกต่าง

 

โดยคนที่มีส่วนในการขัดเกลาคือ อาร์แซน เวนเกอร์ เมธีลูกหนังชาวฝรั่งเศส ผู้ค้นพบของดีจากแอฟริกาเข้า

 

หลังการเดินสายค้าแข้งกับหลายทีม รวมถึงในประเทศแคเมอรูน เวอาห์ถูกแมวมองของทีมโมนาโกค้นพบและดึงตัวมาเล่นกับสโมสรในลีกเอิงในปี 1988

 

แค่การซ้อมมื้อแรกก็ทำให้เวนเกอร์ถึงกับตื่นเต้นแล้ว

 

“เขาทำให้ผมประทับใจมากตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก” เวนเกอร์เล่าในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัว

 

แต่สิ่งที่ทำให้เขาเก่งไม่ใช่แค่คำชี้แนะของกุนซือคนหนุ่มในเวลานั้นที่กำลังร้อนวิชา แต่เป็นเพราะความสามารถเหลือล้นในตัว และความพยายามที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

“จอร์จซ้อมหนักมาก การซ้อมจะทำให้คนโตขึ้น และกับเขาผมรู้สึกได้ในทันที เขากลายเป็นดาวเด่น เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลก”

 

The Black Panther จอร์จ เวอาห์ ไอ้เสือดำ ไลบีเรีย ผู้พลิกประวัติศาสตร์ 2

 

คำกล่าวของเวนเกอร์ไม่เกินจริง เวอาห์เด่นและเจิดจ้ากว่าที่จะอยู่กับโมนาโก

 

เขาย้ายไปปารีส แซงต์-แชร์แมง ในปี 1992 ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิงได้ 1 สมัย และแชมป์เฟรนช์ คัพอีก 2 สมัยในช่วงเวลา 3 ฤดูกาล

 

ในช่วงเวลานั้นชื่อเสียงของไอ้เสือดำแห่งไลบีเรียคนนี้เริ่มระบือลั่น ว่าทีมจากปารีสมีกองหน้าสุดอันตรายอยู่คนหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่าจะหาทางหยุดเขาได้อย่างไร

 

มากกว่า 1 ครั้งที่เวอาห์ สำแดงเดชของเขาในสนามด้วยการโซโล่คนเดียวจากกลางสนามเข้าไปทำประตูแบบหน้าตาเฉย ซึ่งเป็นประตูโซโล่ในแบบที่ใครก็อยากทำได้แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้

 

ไม่ใช่ไม่รู้ เหล่ากองหลังรู้ว่าด้วยสไตล์แล้วเขาฝ่าไปตรงๆดื้อๆแบบนี้แหละ แต่ไม่รู้จะหยุดได้อย่างไรในเมื่อเขาทั้งวิ่งเร็วกว่า สเต็ปเท้าไวกว่า และแข็งแกร่งกว่า

 

จนสุดท้ายเขาก็ถูกดึงตัวมาอยู่กับเอซี มิลาน ในยุคที่ทีม ‘รอสโซเนรี’ ยังเป็นทีมเบอร์ต้นของโลกในปี 1995

 

เป็นศูนย์หน้าความหวังคนใหม่ที่มาเพื่อแทนที่ของ มาร์โค ฟาน บาสเทน ‘เพชฌฆาตพรายกระซิบ’ ผู้อาภัพ ได้รับบาดเจ็บหนักต่อเนื่องจนต้องตัดสินใจอำลาวงการในวัยเพียง 29 ปี

 

และเวอาห์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาแจ้งเกิดเป็นดาวเด่นให้มิลานได้อย่างรวดเร็ว เพราะอยู่ในช่วงพีคของอาชีพนักฟุตบอลพอดีในวัย 29 ปี

 

ผลงานสุดร้อนแรงในช่วงเวลานั้นทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ไม่ใช่ชาวยุโรปที่ได้รับรางวัลลูกบอลทองคำ (Ballon d’Or) ของนิตยสาร France Football ซึ่งเป็นปีแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงกฎจากเดิมเคยเป็นรางวัลที่สงวนให้เฉพาะนักเตะชาวยุโรปที่ค้าแข้งในยุโรปเท่านั้น

 

กฎดังกล่าวทำให้แม้แต่ ดีเอโก อาร์มันโด มาราโดนา ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่เคยได้รับรางวัลนี้

 

แต่ในปี 1995 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในโลกของฟุตบอลด้วย ‘กฎบอสแมน’ (Bosman Rule) ที่ปลดพันธนาการของนักฟุตบอลจากการเป็นทาสทางอ้อมของสโมสร และทลายกำแพงในเรื่องโควต้านักฟุตบอลต่างชาติที่ไม่สามารถห้ามนักฟุตบอลยุโรปที่จะเดินทางค้าแข้งในสหภาพยุโรปได้อีก

 

บัลลงดอร์จึงมีการเปลี่ยนแปลงกฎจากเดิมที่สงวนรางวัลให้ชาวยุโรปเท่านั้น (เพราะชื่อเต็มของรางวัลคือ European Footballer of the Year) กลายเป็นนักฟุตบอลชาติใดก็ได้ที่เล่นให้กับสโมสรในยุโรป

 

เวอาห์ จึงเป็นทั้งนักฟุตบอลคนแรกที่ไม่ใช่ชาวยุโรป และเป็นนักฟุตบอลชาวแอฟริกันคนแรก และยังเป็นคนเดียวจนถึงปัจจุบันที่ได้รางวัลนี้

 

The Black Panther จอร์จ เวอาห์ ไอ้เสือดำ ไลบีเรีย ผู้พลิกประวัติศาสตร์ 3

 

ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา แม้จะเป็น ‘รางวัลส่วนตัว’ แต่มันสร้างแรงกระเพื่อมมากมายมหาศาลต่อส่วนรวม โดยเฉพาะต่อทวีปแอฟริกา และชาวแอฟริกัน

 

นักฟุตบอลจากแอฟริกาเคยถูกมองว่าเป็นนักฟุตบอลเกรดสองที่เป็นรองยุโรป แต่มุมมอง (Perception) ที่มีต่อเขาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลจากรางวัลนี้ของเวอาห์ ผู้เปิดประตูให้ทุกคน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สตาร์จากกาฬทวีปเริ่มเฉิดฉายพอดี

 

เอ็นวานโก คานู, เจย์-เจย์ โอโคชา, ซันเด โอลิเซ, แพทริก เอ็มโบมา, มุสตาฟา ฮัดจิ, นูร์เรดดิน เนย์เบต และอีกมากมายที่ค่อยๆเดินตามมารวมถึง ซามูแอล เอโต และโม ซาลาห์ จนในปัจจุบันนักเตะแอฟริกาคือคีย์แมนสำคัญของสโมสรยักษ์ใหญ่แทบทุกทีม

 

แต่เวอาห์ไม่ได้มีความฝันอย่างเดียว

 

หลังปิดฉากชีวิตการค้าแข้งในปี 2003 กับอัล-จาซีรา เขาเลือกเส้นทางสายใหม่ที่จะทำอะไรให้ผู้คนได้มากยิ่งขึ้นด้วยการเป็นนักการเมือง

 

จากบัลลงดอร์ สู่เก้าอี้ประธานาธิบดีแห่งไลบีเรียในปี 2017 ที่ยังคงดำรงตำแหน่งถึงปัจจุบัน และทำให้ประเทศชาติสงบ เจริญก้าวหน้า

 

โดยที่หากมีโอกาสและเวลาว่าง เวอาห์ก็จะใส่สตั๊ดลงสนามออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกับคนใกล้ชิดเสมอ

 

แอบเสียดายอย่างเดียวคือ ทิโมธี เวอาห์ ลูกชายและลูกไม้ของเขาหล่นไกลต้นไปสักหน่อย เพราะเลือกจะเป็นนักเตะทีมชาติสหรัฐฯมากกว่าไลบีเรีย แต่ก็เพราะเขาเกิดและโตที่นั่น อีกทั้งยังต้องการเลือกเส้นทางเดินที่แตกต่างและออกจากร่มเงาของพ่อผู้ยิ่งใหญ่

 

แต่ก็เข้าใจได้

 

จะมีใครทั้งยิ่งใหญ่และพลิกโฉมประวัติศาสตร์ได้เหมือนจอร์จ เวอาห์อีก

 

ไม่มี

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising