บรรดาผู้จัดการทางการเงินได้ปรับลดระดับการ Short หุ้นลงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ และกำลังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในอดีตมากขึ้น
ข้อมูลจาก J.P. Morgan และ Deutsche Bank ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะลงทุนนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเปลี่ยนน้ำหนักจาก ‘ลดระดับการลงทุน’ ไปเป็นการถือครองตราสารทุนที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันนักลงทุนอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีที่แล้ว เมื่อตอนที่ Fed เริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงเกิดจากการที่ดัชนี S&P 500 ได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ระดับตํ่าสุดในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ทำให้ตอนนี้หุ้นอาจมีปัญหาในการปรับตัวให้สูงขึ้นไปอีก เว้นเสียแต่ว่าเหล่ากองทุนทั้งหลายจะเปลี่ยนสถานะเป็น ‘เพิ่มระดับการลงทุน’
จนถึงขณะนี้นอกจากกองทุนบางส่วนที่ถูกบังคับให้เพิ่มความเสี่ยงแล้ว ผู้จัดการส่วนใหญ่ยังคงระวังการเทขายในตลาดอีกครั้ง เนื่องจากยังมีความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ กลุ่มนักการเงินเตือนว่า ยังใช้เวลาอีกนานกว่าที่ผู้กำหนดนโยบายจะล้มเลิกนโยบายการเงินแบบตึงตัว ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ส่งสัญญาณถึงการชะลอตัวของภาวะเงินเฟ้อ
เจมส์ แอธีย์ ผู้อำนวยการด้านการลงทุนของ Aberdeen กล่าวว่า นักลงทุนในตราสารทุนต่างมีความสามารถในการเลือกแผนลงทุนจากการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคตามทฤษฎีพัฟลอฟที่ระบุว่า พฤติกรรมทุกอย่างเกิดขึ้นโดยการเรียนรู้และสามารถจะสังเกตได้
“ตอนนี้เรากำลังสนุกสนานกับแนวคิด ‘No Landing’ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้และไม่มีผลกระทบด้านลบต่อการเติบโต ซึ่งความจริงแล้วดูเหมือนเป็นฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น”
สัดส่วนสถานะการถือหุ้นอยู่ในระดับ ‘กลาง’
ตลาดหุ้น Nasdaq 100 ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงและยากในการต่อกร หลังจากที่พาวเวลล์กล่าวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ตลาดเกิดความวุ่นวายได้
หลังการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่เริ่มปีใหม่ 2023 ทำให้นักลงทุนจำนวนมากที่คาดว่าตัวเองอาจตกรถต้องปิดสถานะ Short ลง ข้อมูลของ Goldman Sachs แสดงให้เห็นว่า ตะกร้าหุ้นที่มีสถานะ Short มากที่สุดได้ปรับตัวขึ้นกว่า 21% ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 8%
นิโกลาออส พานิเกิร์ตซ็อกลู นักยุทธศาสตร์ของ J.P. Morgan เผยว่า มูลค่าสถานะฟิวเจอร์สหุ้นของบริษัทอยู่ในระดับครึ่งทางสำหรับระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งบ่งชี้ว่า หุ้นหรือสถานะที่ถูก Short นับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาทั้งหมดถูกลบสถานะออกไปแล้วในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้นิโกลาออสประเมินว่า นักลงทุนสามารถปลดสถานะ Short หุ้นได้กว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงการเทรดระยะสั้นและการเทรดที่มีนํ้าหนักน้อยเช่นกัน โดยอ้างอิงจากแบบจำลองที่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานะคงค้างบนตลาดฟิวเจอร์สและสถานะจากเทรดเดอร์โมเมนตัม
ตลาดยังคงเชื่อมั่นว่า Fed จะปรับนโยบายการเงินให้ผ่อนคลายลง แม้ว่าตลาดแรงงานจะส่งสัญญาณดีกว่าคาดก็ตาม ในขณะเดียวกันนิโกลาออสได้ตั้งเป้าหมายระยะสั้นสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ 4,000 จุด และลดระดับโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเป็น 25% ลดลงจาก 35%
อ้างอิง: