ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเคลื่อนทัพของแม็คโครนับเป็นที่จับตามอง จากการเป็นเบอร์ 1 ในตลาดค้าส่งที่มีสาขากว่า 152 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ และยังมีฐานสมาชิกอยู่มากกว่า 4 ล้านราย ในจำนวนนั้น 70% เป็นลูกค้าผู้ประกอบการร้านโชห่วยและร้านอาหารต่างๆ ทำให้แม็คโครพยายามมองหาโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ธนิศร์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ ซึ่งปัจจุบันรั้งตำแหน่งประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย ฉายภาพว่า แม็คโครอยู่บนเส้นทางธุรกิจค้าส่งมาเป็นระยะเวลานาน แม้จะผู้นำตลาดค้าส่งแต่เมื่อถึงเวลาอาจจะถูกดิสรัปต์จากตลาด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ธนิศร์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ ขึ้นรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย
- ‘ซีพี’ ขาย Big Lot ‘หุ้นสยามแม็คโคร’ 160 ล้านหุ้น มูลค่า 6 พันล้านบาท ให้ Credit Suisse โบรกมองบวก ดัน Free Float เพิ่มเป็น 15.04% มีลุ้นเข้า MSCI
- ยักษ์ค้าปลีกโดดรุมร้านโชห่วย! แม็คโครเร่งสปีด ‘บัดดี้มาร์ท’ ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 2,000 แห่งภายในปี 66 เคาะราคาลงทุนเริ่ม 4 แสนบาท
ดังนั้นต้องรีบดิสรัปต์และทรานส์ฟอร์มตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงที่ดิจิทัลเริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจ เห็นได้จากช่องทางอีคอมเมิร์ซที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเพื่อก้าวสู่เป้าหมายใหญ่ คือขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด Omni-Channel
จากปัจจัยดังกล่าวแม็คโครจึงหันมาโฟกัสพัฒนาโครงสร้างธุรกิจ O2O โดยเริ่มมาบุกเบิกมาตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมามีสัดส่วนการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และยังเชื่อว่ามีโอกาสและช่องว่างที่ยังเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีก ล่าสุดจึงได้เปิดตัวแอปพลิเคชันภายใต้ชื่อ ‘Makro PRO’ ที่มีการรวมสินค้าเข้ามาจำหน่ายกว่า 5 หมื่นรายการ
ในโอกาสนี้ได้มีการดึง ‘ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์’ มาเป็นพรีเซนเตอร์และสร้างการรับรู้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แม็คโครจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปตั้งเป้าจะเติบโตอยู่ที่ 88% ภายในปี 2566 และมียอดดาวน์โหลดประมาณ 1 ล้านคน
“แม้แม็คโครจะมีการขยายสาขาไปในพื้นที่ต่างๆ ค่อนข้างครอบคลุม แต่ในบางสาขาขนาดไม่เท่ากัน และอาจมีสินค้าไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างในบางสาขาอาจมีสินค้าเพียง 2 หมื่นรายการ แต่ถ้าเทียบกับแอปพลิเคชันสามารถรวบรวมสินค้ามาอยู่ในที่เดียวกันได 5 หมื่นรายการ ก็จะสามารถเลือกซื้อได้อย่างหลากหลาย อีกอย่างลูกค้าบางคนอาจไม่สะดวกเดินทางไปที่สาขาซึ่ง Makro PRO จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการตอบโจทย์ และช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งจะสามารถสร้างการเติบโตให้บริษัทได้ในระยะยาว”
ภาพรวมของแม็คโครที่ผ่านมามีการลงทุนเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในส่วนของการขยายสาขา โดยปี 2566 เตรียมเปิดอีก 10-12 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในรูปแบบร้านขนาด 4,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนราวๆ 200-300 ล้านบาท
โดยเน้นฟอร์แมตร้านแบบดั้งเดิมและแม็คโคร ฟูดเซอร์วิส ซึ่งมีฐานลูกค้าหลักเป็นร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันลูกค้าแม็คโครหลักๆ ยังเป็น B2B 70% และลูกค้าทั่วไป 30%
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนพัฒนาระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยทุกสาขาของแม็คโครจากนี้ไปจะมีพื้นที่ Omni-Channel อย่างไรก็ตามมีคาดการณ์ว่า แอปพลิเคชัน Makro PRO จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ของธุรกิจแม็คโครเติบโตมากขึ้น จากปัจจุบันเติบโตอยู่ราวๆ 43%