เวลานี้ระบบเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลกกำลังได้รับความบอบช้ำอย่างรุนแรงจากผลกระทบของโรคระบาดโควิด-19 ขณะที่ประเทศไทยเองที่เดิมทีมีรายได้หลักมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เมื่อเชื้อโควิด-19 เริ่มออกอาละวาด รายได้ดังกล่าวจึงขาดหายไปทันที และยังทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับความเสียหายอยู่พอสมควร ส่งผลให้ล่าสุดสภาพัฒน์คาดการณ์ไว้แล้วว่าในปี 2563 นี้ GDP ไทยจะอยู่ในกรอบ -5 ถึง -6% (GDP ไทย Q1/2563 คือ -1.8%)
เมื่อเร็วๆ นี้ ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD โดยให้คำแนะนำถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย พร้อมชี้ว่ารัฐบาลควรจะเปิดประเทศให้มหาเศรษฐีและบุคลากรที่เก่งจากทั่วโลกมาใช้ชีวิต ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ประเทศก้าวขึ้นมาเป็น ‘ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก’ ได้
“เมืองไทยมีสิทธิ์ดึงคนรวยในโลกนี้มาซื้อบ้าน เพราะในภาวะโควิด-19 ณ วันนี้เรามีผู้ป่วยเสียชีวิตน้อยที่สุด เรารักษาผู้ป่วยหายได้เยอะ หมอเราเก่ง การแพทย์ดี มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำคือการดึงพวกเศรษฐีในโลกให้มาใช้ชีวิตและอาศัยอยู่ในเมืองไทย
“เมื่อเศรษฐีเหล่านั้นมาอาศัยที่ไทย ผลที่ตามมาก็ทำให้เกิดการใช้จ่ายขึ้น การสร้างงานเกิดขึ้น มา 5 ล้านคนอาจจะเท่ากับค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั่วไป 20 ล้านคนแล้ว หาคนเก่งๆ ในโลกนี้ คนในช่วงวัยกำลังทำงาน สตาร์ทอัพ เถ้าแก่ คนรุ่นใหม่มาอยู่เมืองไทย ให้กรีนการ์ดเขาไปก่อนเลย ให้มาทำงานที่ประเทศไทย
“ถ้าเรามีคนเก่ง 5 ล้านคนอยู่ในระดับท็อปๆ ของโลกมาใช้ชีวิตที่ประเทศไทย ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกก็จะเกิดครับ ทุกอย่างมันอยู่ที่คน ไม่ใช่เงิน แต่เราต้องมีกฎหมายเอื้อให้เกิดเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้วย ตัวอย่างเช่น การให้สัญชาติไทย”
ธนินท์กล่าวต่อว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มนักธุรกิจและมหาเศรษฐีจากต่างชาติส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่เกิดความรู้สึกผูกพันที่จะใช้ชีวิตหรืออยู่อาศัยในประเทศไทยในระยะยาวเป็นผลมาจากการที่กฎหมายไม่ดึงดูดมากพอ โดยเฉพาะการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้กรอบระยะเวลาสิทธิพิเศษของนักลงทุนต่างชาติแค่ 8 ปีเท่านั้น รวมถึงรายละเอียดการจัดเก็บภาษีต่างๆ
“เขามาสร้างประโยชน์ให้เรา สร้างงานให้เรา คนที่คิดไม่ถึงอาจจะมองและกลัวเขามาแย่งอาชีพ ตรงกันข้าม เขาเข้ามาแล้วสร้างอาชีพใหม่ต่างหาก สร้างงานให้เรา ลงทุน ต้องคิดบวกครับ อย่าไปคิดลบ เราต้องกล้าดึงคนเก่งๆ มาให้คนไทยใช้ ต้องคิดแบบนี้ ไม่ใช่คิดว่าเขามาแย่งอาชีพเรา
“และถึงแม้ว่าเขาจะทุนใหญ่กว่า แต่เราก็มีความเข้าใจและรู้เรื่องมากกว่า ทำไมรัฐบาลไม่ส่งเสริมให้เราใหญ่กว่าล่ะ ทำไมกลัวว่าจะส่งเสริมเอื้อประโยชน์ให้นักธุรกิจล่ะ ทำไมไม่สร้างนักธุรกิจไทยให้ยิ่งใหญ่ล่ะ ไปลงทุนต่างประเทศทำไม กลายเป็นว่าประเทศไทยนอกจากจะกลัวเขามาแย่งงานก็ยังห่วงว่านักธุรกิจไทยยิ่งใหญ่จะมาฮุบประเทศ
“เราเองก็ต้องเก่งขึ้นเพื่อยกระดับการแข่งขันกับคนเหล่านั้น แล้วถ้าเก่งเท่าไม่ได้จริงๆ ก็กลืนเขาให้เขากลายเป็นคนไทยไปเลย เราก็จะมีคนเก่งๆ สัก 5 ล้านคน สหรัฐฯ เขายังเอาคนเก่งๆ จากทั่วโลกไปอยู่ในประเทศเขาเลย ขนาดเขาร่ำรวยและเก่งขนาดนี้”
ธนินท์กล่าวทิ้งท้ายในประเด็นการเปิดประเทศไทยเพื่อดึงดูดมหาเศรษฐีและผู้มีความสามารถในแวดวงต่างๆ มาใช้ชีวิตในไทยว่าหากทำได้จริงก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกแน่นอน ไม่ใช่แค่ในแง่ของการสร้างงานเท่านั้น เพราะยังจะมีส่วนช่วยดึงให้นักธุรกิจระดับโลกตามมาด้วย
“ผมมองว่าคนเก่งจะมาสร้างรายได้ให้กับเรามหาศาล ไม่ได้มาแย่งอาชีพนะ ผมคิดว่ามาสร้างอาชีพให้คนไทยเก่งขึ้นไปอีก ผสมไปผสมมา คนไทยจะยิ่งเก่งขึ้นไปอีก”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
ห้ามพลาด! ฟอรัมที่เจาะลึก New Normal ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยจากวิทยากรระดับประเทศ 40 คน ซื้อบัตรงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM ที่ https://www.eventpop.me/e/8705-economic-forum