วันนี้ (5 พฤศจิกายน) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า, และพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ตามหมายเรียกในความผิดตามมาตรา 116 ภายหลัง สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ มอบอำนาจให้ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เป็นผู้กล่าวหาว่า กระทำความผิด ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยมี พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มาร่วมสังเกตการณ์การสอบปากคำ
ปิยบุตรกล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ขณะนี้ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงดำเนินคดีพวกตน ตามความผิดมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น เพราะที่ผ่านมา ตนไม่เคยแสดงความเห็นใดๆ ที่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดดังกล่าว จึงสงสัยว่าสุวิทย์นำข้อความใดมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้มีการใช้มาตรา 116 มาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหรือไม่ จากนั้นจึงได้เดินทางขึ้นไปพบพนักงานสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะลงมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้ง
ปิยบุตรกล่าวว่า สาเหตุที่ตนเองถูกดำเนินคดี เนื่องจากสุวิทย์อ้างถึงการกระทำหลายอย่างที่มองว่าเข้าข่ายมาตรา 116 ตั้งแต่บทความเก่า หนังสือ และการบรรยายในห้องเรียน สมัยที่ตนเองยังเป็นอาจารย์ในมหาวทิยาลัยธรรมศาสตร์ และการไลฟ์เฟซบุ๊กว่าด้วยเรื่องการนำข้อเรียกร้อง 3 ข้อของผู้ชุมนุม มาพูดคุยในคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์
ส่วนธนาธรและพรรณิการ์ ก็อ้างอิงถึงการบรรยายเรื่องงบประมาณของสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในการดำเนินคดี ซึ่งตนเองมองว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นเรื่องเก่านานกว่า 10 ปี แต่ถูกนำมาโยงเข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการอภิปรายด้วยความปรารถนาดี เพื่อหาทางออก แต่กลับถูกมองว่าเป็นความผิดในสายตาของสุวิทย์ทั้งหมด และยังไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย เพราะต้องนำเรื่องนี้ไปต่อสู้ในชั้นศาล
ปิยบุตรกล่าวอีกว่า ยังได้สอบถาม พล.ต.ท. ภัคพงศ์ ว่า เคยรวบรวมสถิติการดำเนินคดีตามมาตรา 116 หรือไม่ ว่าศาลยกฟ้องหรือยกคำร้องไปกี่คดี ซึ่งบางคดีที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินเรื่องก็ได้ แต่การกระทำในปัจจุบัน เป็นการใช้กฎหมายมาตรา 116 ในการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าการหาทางออกให้กับสถานการณ์การเมืองของไทย จำเป็นต้องนำข้อเสนอทั้ง 3 ข้อมาพูดคุยในคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งเป็นเวทีปลอดภัย
ด้านธนาธรกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่ง และหยุดดำเนินคดีกับผู้ที่เห็นต่าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า พล.อ. ประยุทธ์เป็นเงื่อนไขสำคัญในการหาทางออก หากไม่ลาออกก็จะไม่มีทางหาทางออกได้
ขณะที่พรรณิการ์ กล่าวฝากถึง พล.อ. ประยุทธ์ ว่า อาวุธที่รัฐบาลใช้มาตลอดคือการดำเนินกับผู้เห็นต่าง แต่ปัจจุบัน อาวุธนี้เปรียบเทียบเป็นกระสุนด้าน เพราะการถูกดำเนินคดีไม่ได้ทำให้พวกเราหยุด แต่กลับยิ่งทำให้ได้รับแรงสนับสนุนและความเห็นใจจากประชาชน แลกกับการเสียเวลาในการทำงานเท่านั้น ซึ่งพวกเราจะพิสูจน์ให้เห็นว่า จะสามารถเอาชนะอิทธิพลเถื่อนได้ทั้งในระดับจังหวัดและระดับชาติ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในการสอบปากคำวันนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามมาตรา 116 หลายกรรมหลายวาระ และเหตุเกิดทั่วราชอาณาจักร เช่น การประชุมสภา การโพสต์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งทั้ง 3 คนได้ให้การปฏิเสธ ขณะที่ทนายความได้ขอยื่นคำให้การของทั้ง 3 คนเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วัน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล