วันนี้ (11 กรกฎาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงหลักการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า ในเย็นวันนี้พรรคจะมีการประชุมกัน แต่ที่ชัดเจนคือเราไม่เสนอแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคลงแข่ง ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะมีการหารือนอกรอบหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ซึ่งอาจจะเป็นการคุยกันก่อนบวชก็ได้ ทุกพรรคคุยกันได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ในซีก 188 เสียงจะมีการเสนอชื่อนายกฯ แข่งหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าจะเสนอก็ต้องมาพูดคุยกันก่อน ซึ่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้อาจมีการพูดคุยกันก็ได้
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีนักวิชาการหรือนักการเมืองที่ออกมาชี้นำสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กดดันว่าต้องเลือกอย่างไร ธนกรกล่าวว่า ตนเชื่อว่า ส.ว. เป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ ไม่ต้องไปชี้นำ ซึ่งทราบว่าจะให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ หรืออาจเลือกไม่ได้ภายในครั้งเดียว ตนเห็นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาประชาชนรู้อยู่แล้วว่าแคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรคมีวิสัยทัศน์อย่างไร จึงเห็นว่าไม่ควรใช้เวลาเยอะในการแสดงวิสัยทัศน์อีก การโหวตครั้งแรกก็คงได้แล้ว ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลไป ถ้าอันดับ 2 ตั้งไม่ได้ก็ต้องเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 3 จัดตั้งไป หรือถ้าจะมีองค์ประกอบเงื่อนไขใหม่ก็ค่อยว่ากัน ไม่ควรใช้เวลานาน
เมื่อถามว่า หากชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล ไม่ผ่านในรอบแรก แล้วครั้งที่ 2 มีการเสนอชื่ออีกครั้ง พรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอญัตติคัดค้านหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า ต้องรอดูหน้างาน แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่ควรมีแล้ว เพราะไม่มีสิ่งไหนจะไปเปลี่ยนใจคนได้ภายใน 1-2 วัน เพราะเขาดูมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว ดังนั้นกลไกต่างๆ เดินหน้าแล้ว ส่วนตัวอยากให้กลไกการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนใครจะได้เป็นนายกฯ นั้นอยู่ที่ ส.ส. และ ส.ว. โหวตกัน และไม่ควรอ้างประชาชน เพราะประชาชนก็เลือกมาทุกพรรค
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กลัวม็อบที่จะมาชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันดังกล่าวหรือไม่ ธนกรกล่าวว่า คงไม่กลัว และความจริงไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะปลุกระดมหรือใช้มวลชนมากดดัน ส.ส. หรือ ส.ว. เป็นสิ่งที่ไม่ควร
“วันนี้ ส.ส. และ ส.ว. ต้องคิดหลายอย่าง เพราะมันมีกลไกของศาลอยู่ และมีเรื่องร้องเรียนอะไรต่างๆ การจะโหวตก็ต้องกังวลเหมือนกัน ต้องไปดูข้อกฎหมาย และทราบมาว่าตอนเย็นวันนี้หรือพรุ่งนี้จะมีการยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ พออยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญมันก็มีหลายอย่าง ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นแบบนี้ มันไม่มีใครทำใคร แต่เป็นสิ่งที่เราทำตัวเองทั้งนั้น อย่าไปโทษใครเลย วันนี้ก็ต้องปล่อยในเรื่องของนิติสงครามอะไรต่างๆ ไม่ควรไปพูดแล้ว เพราะไม่มีใครไปทำให้เป็นอย่างนั้น
“ตัวท่านเองหรือกลุ่มท่านเองทั้งนั้นที่เป็นคนทำ จะมาบอกว่าเป็นนิติสงคราม ผมว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน เป็นการใช้วาทกรรมกล่าวหามากเกินไป ไม่มีหรอกนิติสงคราม มีแต่ใครทำกรรมไว้คนนั้นก็รับกรรมไป ไม่ใช่ว่าตนไม่ชอบพิธาเป็นการส่วนตัว เพราะ ส.ส. ก้าวไกล ก็มีเก่งๆ เยอะ แต่กลไกต่างๆ ที่ทำมา มีหลายเรื่องที่รับไม่ได้ เป็นนโยบายที่เห็นต่างกัน และผมก็ไม่เลือกเท่านั้นเอง” ธนกรกล่าว
ธนกรกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่ามวลชนมีทุกฝ่าย ตอนนี้ได้บอกประชาชนที่ชื่นชอบฝั่งรัฐบาลเดิมว่าไม่อยากให้ออกมาเชียร์ เพราะไม่เกิดประโยชน์ บางครั้งหากมีมวลชนออกมาหลายฝ่ายก็จะเป็นเรื่องที่น่าหนักใจ เพราะอาจเกิดสถานการณ์ที่ไม่คาดหวังได้ ฉะนั้นอยากให้การเลือกนายกฯ เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ตามขั้นตอน ไม่อยากเห็นบรรยากาศที่มีการปลุกระดม ซึ่งตนไม่ได้ว่าพรรคไหน เพราะบ้านเมืองสงบมานานแล้ว ไม่อยากให้กลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนในอดีต
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในวันนั้นอาจมีม็อบฝ่ายตรงข้ามมาชุมนุมกันใช่หรือไม่ ธนกรกล่าวว่า ไม่ได้มองว่าจะมีอีกฝ่ายหนึ่งมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าคนที่ชื่นชอบแต่ละพรรคการเมืองก็มีอยู่ คนที่ชื่นชอบ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีเยอะ จึงไม่อยากให้มีบรรยากาศที่ประชาชนออกมา การแสดงความคิดเห็นทำได้อยู่แล้วตามระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมก็ควรจะเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้ทราบว่าทาง กทม. ได้จัดพื้นที่สำหรับชุมนุมไว้เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นประชาชนก็ไม่ควรจะไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ที่มีปัญหา