×

ธรรมนัสเปิดใจ ไม่ได้ขนเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ท้าตรวจหลักฐานที่ศาลออสเตรเลีย ขอลบอดีต เดินหน้าทำความดีพิสูจน์

โดย THE STANDARD TEAM
11.07.2019
  • LOADING...

วันนี้ (11 ก.ค.) เวลา 17.00 น. ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่าสำหรับข้อกล่าวหาในเรื่องของการค้ายาที่โดนจับในประเทศออสเตรเลียนั้น ถือเป็นเรื่องโอละพ่อ ยืนยันว่า ไม่ใช่คนที่นำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตยาเสพติด และไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายแต่อย่างใด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เริ่มจากที่ตนเดินทางไปเที่ยวซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย โดยได้รับคำเชิญจากพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ใน ป.ป.ส. ของสหรัฐฯ จากนั้นตนจึงเดินทางเข้าออสเตรเลีย โดยผ่านการตรวจค้นอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลจากสื่ออวตารที่พยายามโจมตีอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องโอละพ่อ 

 

“แต่ผมมีความโชคร้าย เพราะคนที่ถูกจับนั้นกลับอยู่ที่เดียวกับที่ผมอยู่ด้วย ผมจึงโดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ  ไม่ได้โดนข้อหาผลิตยาเสพติดและนำเข้ายาเสพติด ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในซิดนีย์ 4 ปีเต็มๆ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทย เพราะนายกฯ เทศมนตรีซิดนีย์ ไม่ต้องการให้คนเอเชียที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งอยู่ ผมจึงถูกส่งตัวกลับมา แต่ไม่ได้มารับโทษ”

 

ธรรมนัส พรหมเผ่า

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า สื่อมวลชนสามารถตรวจสอบหลักฐานต่างๆ จากศาลของออสเตรเลียได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องโอละพ่อ และถือเป็นตราบาปที่ตนไม่เคยพูดมาตลอด 30 ปี เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณปี 2535 หรือ 2536 แต่สื่ออวตารกลับโจมตีว่า ตนต้องกลับมารับโทษในประเทศไทย และตอนนี้ตนรู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังความพยายามที่จะล้มตนให้ได้ เพราะสื่อมวลชนเองก็ทราบดีว่าตนเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีบทบาทในการขับเคลื่อนและประสานงาน ซึ่งหากล้มตนได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ได้ประสานงานไว้นั้น ถือเป็นความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว 

 

“เขารู้ว่าผมเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้มผม ผมรู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง และเรื่องนี้ต้องปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการต่อไป คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนในพรรคพลังประชารัฐ”

 

ส่วนกรณีที่เคยถอดยศมาก่อนนั้น ร.อ. ธรรมนัส ได้โชว์หนังสือการเลื่อนยศ โดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2541 กระทรวงกลาโหมได้เลื่อนยศให้ตนขึ้นเป็น ร.อ. ไม่ใช่ใช้ยศ ร.อ. นำหน้า โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

 

เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มีคนปรามาสว่า กระทรวงเกษตรฯ ยุคใหม่เป็นกระทรวงมาเฟีย ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า คนเรานั้นอยากถามว่า สามารถทำอดีตให้เป็นปัจจุบันได้หรือไม่ แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คือ ในอนาคตตนจะทำอะไรให้แผ่นดินบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็กล่าวหากันว่ามาเฟีย นักเลง คนใจนักเลงอย่างตน ลองให้ได้ทำงานดูก่อน หากทำไม่ได้เรื่อง แล้วจะพิจารณาตัวเอง ที่ผ่านมาพูดมาโดยตลอดว่า ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังจากประสบความสำเร็จทางธุรกิจ ก็ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด แต่คนพะเยาให้ความไว้วางใจตน และตนในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคก็ได้รับปากประชาชนไว้มากมาย ซึ่งเมื่อนายให้มาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องทำให้ดีที่สุด

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจว่ามีคุณสมบัติเหมาะเป็นรัฐมนตรี ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนเป็นลูกชาวนา ตนอยู่กับดินมา การเกษตรคือสิ่งที่อยู่กับดิน ดังนั้นจึงเข้าใจพื้นฐานของประชาชนในการเป็นเกษตรกรรู้ว่าปัญหาคืออะไร และอะไรคือสิ่งที่เกษตรกรต้องการ ตนคิดว่าตอบโจทย์ได้ดีที่สุด

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมตั้งข้อสังเกตเรื่องคดีความต่างๆ จะพิสูจน์ตัวเองอย่างไร ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ในเรื่องคดีความต่างๆ เรื่องต่างประเทศได้ชี้แจงไปแล้ว สำหรับประเทศไม่มีประวัติอาชญากรรมใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้จะถูกกล่าวหาพาดพิง เป็นเรื่องปกติที่ตนมีเพื่อนใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก ตนเป็นคนกว้างขวาง เพื่อนฝูงเยอะ และเป็นคนใจกว้าง บางครั้งการคบคนโน้นคนนี้ตนไม่ได้กรอง ดังนั้นเมื่อเขานำภัยมาหาเรา ตนไม่โทษคนโน้นคนนี้ ไม่ใช่วิถีตน เพราะวิถีของตนต้องแก้ปัญหาให้จบด้วยตัวเอง ด้วยกระบวนการยุติธรรม ตนไม่เคยมีคดีค้างในชั้นศาล ตนได้ใช้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ตัวเองมาทุกเรื่องทุกสถานการณ์ และตนไม่เคยละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ และชีวิตของตนผ่าน พ.ร.บ. ล้างมลทินมาหลายฉบับแล้ว ตนเคยสมัคร ส.ส. รายชื่อกับพรรคการเมืองหนึ่ง หากไม่มีการรัฐประหารครั้งที่แล้ว ก็คงได้เป็น ส.ส. ทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่ทำไมถึงมีปัญหาในครั้งนี้ และไม่ถูกโจมตีอะไรเลย

 

เมื่อถามว่า คดีความที่ออสเตรเลียเคลียร์แล้วหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ออสเตรเลียไม่มีในกฎหมายไทยคือ ให้ผู้ถูกกล่าวหาไปลองตัดสิน หากพึงพอใจก็ให้รับ หากไม่พึงพอใจก็ให้ต่อสู้คดี และขอยืนยันว่า คดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งคดีของตน ศาลให้ลองมาพิจารณารู้ว่ามีการกระทำผิด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ ซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ ซึ่งตอนนั้นถูกกันไว้เป็นพยาน และตนถูกจองจำ 8 เดือน จากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติข้างนอก แต่ภายหลังรัฐบาลออสเตรเลียไม่ต้องการก็ส่งกลับประเทศ โดยไม่มีคดีอะไรค้างคา และเดินทางกลับมาประเทศไทย ไม่ใช่เป็นการมารับโทษ  

 

เมื่อถามว่า เปิดเผยได้หรือไม่ว่าใครจ้องทำลาย ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า ตนรู้ตัวหมดแล้ว แต่ขอปิดเป็นความลับ เพราะกำลังดำเนินคดีอยู่ และยืนยันว่า เป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เป้าหมายเพื่อที่จะล้มล้างรัฐบาล

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวต่อว่า อยากฝากสื่อมวลชนไปศึกษาเรื่อง พ.ร.บ. ล้างมลทิน ปี 2550 จะตอบโจทย์เรื่องตนทั้งหมด โดยเฉพาะมาตรา 4 ให้ล้างมลทินแก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. นี้มีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าผู้นั้นมิถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้นๆ ซึ่งถือว่าชัดเจนและตนไม่มีความผิด โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่า ถูกปลดออกจากราชการข้อหาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีที่ออสเตรเลีย  

 

เมื่อถามว่า หากในอนาคตมีการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติจะหนักใจหรือไม่ ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า การตรวจสอบคุณสมบัติมีมาแล้วหลายขั้นตอนตั้งแต่ลงสมัคร ส.ส. กว่าพี่น้องประชาชนจะเลือกตั้ง ผ่านมาหลายขั้นตอนแล้ว โดยเฉพาะ กกต. และเรื่องของตนไม่ใช่กรณีศึกษาเรื่องแรก ผ่านหลายตัวอย่างและขั้นตอนมาแล้ว ซึ่งตนไม่กังวลอะไร แต่จะเป็นเพียงวาทกรรมที่มีการพูดกันของสื่อมวลชน โดยเฉพาะเพจอวตาร แต่ยืนยันว่า ตนหนักแน่นพอกับเรื่องพวกนี้ ชั่วหรือไม่ชั่ว จริยธรรมคือสิ่งที่อยู่ในใจเรา เรารู้ตัวเองว่าเราทำอะไรอยู่ และก็ไม่กังวลว่าใครจะมาตรวจสอบคุณสมบัติ 

 

“ผมไม่ได้ห้ามและก็ไม่กังวลว่าใครจะมาตรวจสอบคุณสมบัติ แต่ถ้าใครจะมาตรวจสอบผม และสุดท้ายผมไม่มีความผิด คุณก็ต้องพร้อมที่จะถูกดำเนินคดี ซึ่งผมฟ้องกลับแน่นอน และจะเดินหน้าทำงานในฐานะรัฐมนตรี เพราะผมมาจากพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับนายกฯ ให้ทราบ แต่กว่าจะถึงขั้นตอนส่งชื่อ ครม. เพื่อกราบบังคมทูล ก็ผ่านหลายขั้นตอนมาแล้ว”

 

ภาพ: พรรคพลังประชารัฐ

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising