ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนที่ปกคลุมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 อิปซอสส์ (Ipsos) ได้เปิดเผยรายงาน What Worries Thailand H1 2025 ซึ่งเป็นผลสำรวจที่ฉายภาพความกังวลใจของคนไทย โดยข้อมูลดังกล่าวได้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างตั้งแต่การใช้จ่ายในครัวเรือนไปจนถึงความคาดหวังทางการเมือง
ผลสำรวจได้จัด 5 อันดับความกังวลสูงสุดของคนไทย โดยพบว่าสิ่งที่คนไทยกังวลมากที่สุดคือการทุจริตทางการเงินและการเมือง (45%) ตามมาด้วย ความยากจนและความไม่เท่าเทียมทางสังคม (37%) และ การว่างงาน (31%)
สิ่งนี้แตกต่างจากภาพรวมทั่วโลกที่ ‘ภาวะเงินเฟ้อ’ ยังคงเป็นความกังวลอันดับหนึ่ง สิ่งนี้สะท้อนว่าปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
ความกังวลเหล่านี้ได้ส่งผลโดยตรงต่อมุมมองทางเศรษฐกิจ โดย 65% ของคนไทยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันย่ำแย่ลง ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ความเชื่อมั่นที่ลดลงนี้ทำให้คนไทยชะลอการใช้จ่ายอย่างเห็นได้ชัด
โดย 53% รู้สึกไม่สบายใจที่จะซื้อสินค้าชิ้นใหญ่อย่างบ้านหรือรถยนต์ (เพิ่มขึ้น 6%) และที่น่ากังวลคือ ความลังเลนี้ได้ขยายไปถึงของใช้ในบ้านทั่วไป โดย 46% รู้สึกไม่สบายใจที่จะซื้อของใช้ในครัวเรือนอื่นๆ (เพิ่มขึ้น 10%)
ความรู้สึกไม่มั่นคงยังถูกซ้ำเติมด้วยความกลัวในเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยคนไทยคาดการณ์ว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้า ค่าใช้จ่ายจำเป็นจะเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าสาธารณูปโภค (69%) ค่าเชื้อเพลิง (66%) หรือค่าอาหาร (66%)
ขณะเดียวกัน ความกังวลเรื่องความมั่นคงในการทำงานก็เพิ่มสูงขึ้น โดย 28% ของคนไทยหวั่นว่าจะตกงานในอีก 6 เดือนข้างหน้า และเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) มีความมั่นใจในความมั่นคงทางอาชีพของตนเองน้อยลง
ภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นสะท้อนผ่านดัชนีชี้วัดสังคมวิกฤตของอิปซอสส์ (Ipsos Society is Broken Index) ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนสูงถึง 77% นับเป็นอัตราสูงสุดจาก 31 ประเทศที่ทำการสำรวจ โดย 56% ของคนไทยเชื่อว่าประเทศกำลังเดินมาผิดทาง (เพิ่มขึ้น 13%) และ 66% รู้สึกว่าสังคมไทยกำลังตกอยู่ใน ‘ภาวะวิกฤต’
ความรู้สึกสิ้นหวังนี้ได้นำไปสู่การเรียกร้องหาผู้นำที่กล้าหาญและเด็ดขาด โดยผลสำรวจเผยว่า 79% ของคนไทยต้องการผู้นำที่กล้าพอที่จะ ‘แหกกฎ’ เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ และ 77% สนับสนุนผู้นำที่เข้มแข็งเพื่อทวงคืนประเทศจากกลุ่มคนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ ซึ่งเป็นความคาดหวังต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากถึงโคน
ท่ามกลางความกังวลเหล่านี้ อิปซอสส์ได้ให้คำแนะนำแก่แบรนด์ต่างๆ ว่า ในช่วงเวลาที่ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น แบรนด์สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งได้ผ่านการคืนกำไรสู่สังคมและสร้างผลกระทบเชิงบวก ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นผ่านความโปร่งใสและการดำเนินธุรกิจด้วยธรรมาภิบาลที่ดี
แม้ภาพรวมจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ ปรากฏอยู่ โดย 37% ของคนไทยคาดว่าสถานะทางการเงิน ‘ส่วนบุคคล’ ของตนจะดีขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ลดลงจากปีที่แล้วถึง 17% โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ความหวังลดลงมากที่สุด
ภาพรวมจากผลสำรวจของอิปซอสส์ในครึ่งปีแรกนี้ ถือเป็นภาพสะท้อนของสังคมไทยที่กำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ผู้คนกำลังปรับตัวด้วยการรัดเข็มขัดอย่างแน่นหนา ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาความหวังและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะมาแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึกในสังคม