×

ไฮไลต์รถเด่นผู้นำ Trend แห่งอนาคตในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018

07.12.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • Thailand International Motor Expo 2018 หรืองานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ในปีนี้มีสโลแกนว่า Enjoy Driving! Before Driverless Era (ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ) จะเห็นได้ว่า เพียงแค่สโลแกนก็แสดงถึงแนวคิดที่เตือนพวกเราในฐานะผู้ใช้รถที่จะต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกรถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะอีกไม่นานเราอาจจะไม่ได้ขับรถในชีวิตประจำวันอีกต่อไป เพราะยานยนต์จะเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด
  • และแล้วในที่สุด วันที่ทุกคนตั้งตารอคอยมานานนับปีก็มาถึง เมื่อนิสสันประกาศเปิดตัวนิสสัน ลีฟ พร้อมราคาขายที่ทุกคนต้องหงายหลัง! ด้วยราคา 1,999,000 บาท เรียกได้ว่า ไม่ได้ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทแม้แต่น้อยเลย เหตุผลที่ยังทำราคาให้ลงมามากไม่ได้ ก็เพราะเป็นการนำเข้ามาทั้งคันจากญี่ปุ่นนั่นเอง
  • บูธ Mercedes-Benz มีรถต้นแบบไฟฟ้า EQA Concept ที่มีขนาดตัวถังแบบ 3 ประตูใกล้เคียงกับรุ่น A-Class รถรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 2 ชุด หน้า-หลัง ให้แรงม้าถึง 268 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 60kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง โดยค่ายดาวสามแฉกนี้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะบุกตลาดรถไฟฟ้าอย่างจริงจังทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย

Thailand International Motor Expo 2018 หรืองานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ในปีนี้มีสโลแกนว่า Enjoy Driving! Before Driverless Era  (ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ) จะเห็นได้ว่า เพียงแค่สโลแกนก็แสดงถึงแนวคิดที่เตือนพวกเราในฐานะผู้ใช้รถที่จะต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกรถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะอีกไม่นานเราอาจจะไม่ได้ขับรถในชีวิตประจำวันอีกต่อไป เพราะยานยนต์จะเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมด แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น มาดูยุคปัจจุบันกันก่อนว่าตลาดรถยนต์ในบ้านเราตอนนี้ก้าวหน้าไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว ซึ่งสามารถดูได้จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในงาน Motor Expo ครั้งนี้นั่นเอง

 

เมื่อมองภาพย้อนกลับไปดูภาพรวมของวงการรถยนต์บ้านเรานั้นพบว่า เรามีการเปลี่ยนแปลงในการใช้พลังงานต่างๆ มาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ยุคน้ำมันเบนซิน (แบบมีสารตะกั่ว) พัฒนาเป็นแบบไร้สารตะกั่ว, น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ E10, E20, E85, ก๊าซ NGV, CNG เรื่อยมาจนถึงยุครถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริดในปัจจุบัน ซึ่งเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของรถไฟฟ้า (BEV: Battery Electric Vehicle) อย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกในปี 2019 นี้ ภายในงานมีการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อมขายจริงอย่างเป็นทางการถึง 3 แบรนด์ด้วยกัน ได้แก่ นิสสัน, ฮุนได และ FOMM

 

ก่อนหน้านี้ฮุนไดได้นำเข้ารถไฟฟ้ารุ่น IONIQ Electric แต่ก็ไม่ได้ทำให้ตลาดรถไฟฟ้าบ้านเราตื่นเต้นอะไรมากนัก เนื่องจากเป็นรถนำเข้าจากเกาหลีทั้งคัน แบตเตอรี่ก็ยังมีความจุน้อยเพียง 28 kWh ระยะการวิ่งต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง เพียง 280 กิโลเมตร พร้อมกับราคาขายที่ทุกคนมองว่ายังสูงที่ 1,749,000 บาท

 

IONIQ Electric

 

นอกจากรุ่น IONIQ Electric แล้ว มาครั้งนี้ทางค่ายยังมีการเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่แนว Crossover ที่ชื่อว่า Kona Electric ที่มีการพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่น IONIQ ด้วยตัวถังแบบยกสูงสไตล์ SUV แบตเตอรี่มีความจุถึง 64 kWh ทำให้ระยะการวิ่งต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง สามารถไปได้ไกลถึง 482 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับราคาของรถรุ่นนี้ยังไม่มีใครทราบ แต่รู้อย่างเดียวว่าคงจะเกินหลักสองล้านไปไกลแน่นอน

 

Kona Electric

 

ในขณะเดียวกันค่ายยักษ์ใหญ่อย่างนิสสัน ที่มุ่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามาก่อนใคร ก็เตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นลีฟ (Leaf) เจนฯ 2 ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก โดยมีการเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องแบบล่วงหน้าเป็นปี ซึ่งทุกคนต่างก็มีความหวังว่าจะได้ใช้รถไฟฟ้าที่มีราคาสมเหตุสมผลกันเสียที (เพราะอาจจะมีการนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในบ้านเรา หรือรัฐบาลอาจจะช่วยลดฐานภาษีหรืออะไรก็ตาม เหมือนกับนโยบายของจีนที่สนับสนุนรถไฟฟ้าแบบเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลบวกให้กับสภาพอากาศและสุขภาพของประชาชนที่ดีขึ้นในระยะยาว)

 

และแล้วในที่สุดวันที่ทุกคนตั้งตารอคอยมานานนับปีก็มาถึง เมื่อนิสสันประกาศเปิดตัวนิสสัน ลีฟ พร้อมราคาขายที่ทุกคนต้องหงายหลัง! ด้วยราคา 1,999,000 บาท เรียกได้ว่าไม่ได้ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทแม้แต่น้อยเลย เหตุผลที่ยังทำราคาให้ลงมามากไม่ได้ ก็เพราะเป็นการนำเข้ามาทั้งคันจากญี่ปุ่นนั่นเอง

 

ลีฟ (Leaf) เจนฯ 2

 

มาถึงรถไฟฟ้าขนาดเล็ก FOMM ที่กล้าหาญมากๆ ในการผลิตรถไฟฟ้าเป็นเจ้าแรกๆ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทย นับเป็นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมานานหลายปี ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศไทยเอง อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะเชิญสื่อมวลชนไปทดสอบขับรถคันจริงกันมา สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้จากการโชว์ขับในนำ้ได้ด้วย ความเร็วสูงสุดทำได้ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความจุแบตเตอรี่ขนาด 2.96 kWh จำนวน 4 ก้อน วิ่งได้ไกล 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง แต่ด้วยขนาดที่เล็กมากของตัวรถ ก็อาจจะไม่เหมาะกับการวิ่งระยะไกลๆ บนถนนไฮเวย์นัก เหมาะกับการวิ่งในระยะใกล้ๆ ซึ่งน่าจะเป็นจุดประสงค์หลักในการออกแบบรถคันนี้ตั้งแต่แรก สำหรับราคาของรถ FOMM อยู่ที่ 599,900 บาท (สำหรับลูกค้า 2,000 คันแรก)

 

FOMM

 

นอกจากรถไฟฟ้าที่พร้อมขายแล้วที่บูธ Mercedes-Benz ยังมีรถต้นแบบไฟฟ้า EQA Concept ที่มีขนาดตัวถังแบบ 3 ประตู ใกล้เคียงกับรุ่น A-Class รถรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ 2 ชุด หน้า-หลัง ให้แรงม้าถึง 268 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 60 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง สำหรับค่ายดาวสามแฉกนี้ประกาศอย่างชัดเจนว่า จะบุกตลาดรถไฟฟ้าอย่างจริงจังทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย เพราะมีการลงทุนสร้างโรงงานแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าของ Mercedes-Benz เรียบร้อยแล้วในบ้านเรา และจะเริ่มทยอยเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นย่อยออกมามากกว่า 50 รุ่น นับจากนี้เลยทีเดียว

 

EQA Concept

 

แม้ว่าปัจจุบันยังมีผู้คนที่สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของรถไฟฟ้ากันได้น้อยมาก เพราะราคาของรถไฟฟ้านั้นยังแพงอยู่ แต่เมื่อรถไฟฟ้ามีราคาที่ถูกลงในอนาคต ผู้คนก็จะหันมาใช้รถไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย การเตรียมตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการใช้งานรถไฟฟ้านั้นก็มีความสำคัญ ดังนั้น ทั้งบริษัทรถยนต์และภาครัฐอย่างการไฟฟ้าฯ จำเป็นต้องเริ่มให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับรถไฟฟ้ากับประชาชนทั่วไปแต่เนิ่นๆ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้สำหรับอนาคตอันใกล้ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงรถไฟฟ้ากันได้ง่ายขึ้น

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X