วันนี้ (5 กันยายน) นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Yong Poovorawan’ เกี่ยวกับโรคโควิดมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น จากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อไปแล้วจำนวนมาก
พร้อมให้เหตุผลระบุว่า “ภาพรวมของโควิดมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน โดยที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนไปแล้วเกือบ 143 ล้านโดส แต่เมื่อดูการฉีดครบ 2 เข็ม ก็อยู่ประมาณเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ และการฉีด 3 เข็ม ประมาณเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่เรามีวัคซีนเพียงพอ และอยากให้มีการฉีดวัคซีนให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง
“ในขณะเดียวกัน ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการติดเชื้อโดยธรรมชาติ ยอดการติดเชื้อที่มีการแจ้งให้ทราบเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ในความเป็นจริงประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง
“จากข้อมูลที่เห็นได้ชัดพบว่า ในเด็กอายุ 5-6 ปี เป็นช่วงวัยที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีน และมีการติดเชื้อไปแล้ว 47 เปอร์เซ็นต์ จากการตรวจเลือด เพียงครึ่งเดียวที่ทราบว่าติดเชื้อ อีกครึ่งหนึ่งเป็นการติดเชื้อแบบมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ แต่ตรวจพบภูมิต้านทานที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อมาแล้ว และจากการศึกษาของเราร่วมกับทางจังหวัดชลบุรี ในการศึกษาวัคซีน Covovax ในอาสาสมัคร 215 คน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่เคยติดเชื้อมาก่อน แต่พบว่าเมื่อนำมาตรวจเลือด คนที่บอกว่าไม่เคยติดเชื้อมาก่อน แต่ผลเลือดแสดงให้เห็นว่ามีการติดเชื้อมาแล้วถึง 1 ใน 3 และถ้ารวมคนที่ติดเชื้อแบบที่ทราบและรู้แล้ว จำนวนการติดเชื้อมาแล้วเกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือมากกว่าแน่นอน นั่นแสดงว่าคนไทยส่วนใหญ่ผ่านการติดเชื้อมาแล้ว และภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อร่วมกับการฉีดวัคซีน จะเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสมที่สามารถป้องกันและลดความรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี
“ข้อมูลทั้งหมดจึงแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนและจากการติดเชื้อมาแล้วเป็นจำนวนมาก และการติดเชื้อซ้ำจะทำให้อาการต่างๆ ลดน้อยลง โรคก็จะดำเนินต่อไปเป็นโรคประจำฤดูกาล ภาพรวมความรุนแรงของโรคจะน้อยลง เพราะประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นในร่างกายแล้ว”
อ้างอิง: