8 เดือนแรกปี 68 ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ทะลุ 5.9 หมื่นราย แตะ 1.94 แสนล้าน แม้เพิ่มขึ้นกว่า 4% แต่ยอดจดทะเบียนเลิกช่วง 8 เดือน ยังคงทะลุ 9,729 ราย อธิบดี ‘อรมน‘ สรุปผลงาน 2 ปี รุก 3 ภารกิจ ยกระดับธุรกิจไทย ลุยปราบนอมินี ฟันนิติบุคคลไม่ส่งงบการเงิน ก่อนรับบทบาทใหม่อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา
วันที่ 24 ก.ย. อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้วิเคราะห์สถานการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนสิงหาคม 2568 พบว่า มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,641 ราย เพิ่มขึ้น 42 ราย (0.55%)
โดยช่วง 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม 2568) มีจำนวน 59,189 ราย ลดลง 2,630 ราย (4.25%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (61,819 ราย) ในขณะที่ทุนจดทะเบียน 194,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,914 ล้านบาท (4.24%) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 (186,433 ล้านบาท)
ด้านธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 4,699 ราย 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 3,619 ราย และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 2,411 ราย คิดเป็นสัดส่วน 7.94%, 6.11% และ 4.07% จากจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในช่วง 8 เดือนของปี 2568 ตามลำดับ
ขณะที่ การจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการเดือนสิงหาคม 2568 มีจำนวน 1,660 ราย ลดลง 403 ราย (19.53%) โดยมี บริษัทที่มีมูลค่าทุนจดทะเบียนสูงเลิกประกอบกิจการ 1 ราย คือ บริษัททรู มัลติมีเดีย จำกัด ทุนจดทะเบียน 6,562.00 ล้านบาท ประกอบกิจการค่าบริการใช้โครงข่ายมัลติมีเดีย และค่าบริการทางเทคนิค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ชวนวิเคราะห์ เหตุใดสินค้าจีนทะลัก ส่งออกเริ่มหมดแรง แบกเศรษฐกิจไทยไม่ไหว แม้แต่ ‘ข้าวไทย’ ยังเสี่ยงพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งเวียดนามและอินเดีย
- ข่าวโรงงานทยอยปิดตัวไปทีละราย ปีนี้คนไทยตกงานแล้วกว่า 40,000 คน สัญญาณอันตรายกำลังบอกอะไร
ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกช่วง 8 เดือนของปี 2568 (มกราคม-สิงหาคม 2568) มีจำนวน 9,729 ราย ลดลง 263 ราย (2.63%) เมื่อเทียบกับช่วง 8 เดือนของปี 2567 (9,992 ราย) ทุนจดทะเบียนเลิกสะสมอยู่ที่ 63,033 ล้านบาท ลดลง 36,360 ล้านบาท (36.58%) เมื่อเทียบกับช่วง 8 เดือนของปี 2567 (99,393 ล้านบาท)
โดยธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 828 ราย 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 503 ราย และ 3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 418 ราย คิดเป็นสัดส่วน 8.51%, 5.17% และ 4.30% จากจำนวนการจดทะเบียนเลิกธุรกิจในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ตามลำดับ
สำหรับสัดส่วนของการจัดตั้งธุรกิจและจดเลิกในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 6:1 กล่าวคือ จัดตั้ง 6 ราย เลิก 1 ราย โดยสัดส่วนนี้เท่ากับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2563-2567)
ทั้งนี้ ในปี 2568 มีจำนวนจัดตั้งใหม่ 59,189 ราย ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ย้อนหลังที่มีจำนวน 54,746 ราย และยังคงเป็นไปตามวัฏจักรของการจดทะเบียนธุรกิจ
ส่อง 3 ธุรกิจโต-ชะลอการจัดตั้ง
สำหรับประเภทธุรกิจที่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วง 8 เดือนของปี 2568 ใน 3 อันดับแรก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 คือ 1. ธุรกิจขายส่งสินค้าทั่วไปโดยได้รับค่าตอบแทนหรือตามสัญญาจ้าง เพิ่มขึ้น 368 รายคิดเป็น 51.18% 2. ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด เพิ่มขึ้น 305 ราย คิดเป็น 44.79% และ 3. ธุรกิจขนส่ง ขนถ่ายสินค้า และคนโดยสาร เพิ่มขึ้น 288 ราย คิดเป็น 26.18%
ส่วนธุรกิจที่ชะลอการจัดตั้ง ได้แก่
- ธุรกิจตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 343 ราย คิดเป็น 27.77%
- ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 1,079 ราย คิดเป็น 22.97%
- ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ลดลง 427 ราย คิดเป็น 15.05%
8 เดือน ทุนต่างชาติลงทุนเพิ่มกว่า 125%
ด้านการลงทุนจากต่างชาติในไทยช่วง 8 เดือนแรกปี 2568 พุ่งแตะ 225,536 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 125% จากปีก่อน
โดยมีนักลงทุนต่างชาติ 687 ราย เข้ามาจัดตั้งธุรกิจในไทย ญี่ปุ่น อเมริกา และสิงคโปร์ครองอันดับต้น ขณะที่พื้นที่ EEC ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 74,792 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเม็ดเงินลงทุนรวม สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก
อรมน สรุปผลงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ก่อนที่ในเดือนหน้าจะไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา อีกว่า การทำงานช่วงที่ผ่านมา ได้ยกระดับการบริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมแกร่ง SME ไทยกว่า 9.8 หมื่นราย พร้อมเดินหน้ากำกับดูแลธรรมาภิบาล ปราบปรามนอมินี และสร้างความน่าเชื่อถือแก่นิติบุคคล
จ่อฟันนิติบุคคล 9,343 ราย ให้มีสถานะ ‘ร้าง’ เหตุไม่ส่งงบการเงิน 3 ปี
อรมน ระบุว่า นิติบุคคลที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถยื่นคำร้องชี้แจงต่อนายทะเบียนได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคลทันที เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น เมื่อนิติบุคคลถูกเปลี่ยนเป็นสถานะร้างแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป
แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีอยู่และพึงเรียกบังคับได้ อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน
“สาเหตุหลักไม่นำส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี มียอดสูงถึง 7,032 ราย เป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าไม่ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว และสาเหตุรองลงมาคือจดทะเบียนเลิกแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่อีก 2,311 ราย นายทะเบียนจะต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลให้เป็นปัจจุบัน และปิดกั้นมิจฉาชีพนำข้อมูลเท็จไปหลอกลวงหรือหาประโยชน์จากประชาชน” อรมนกล่าว ทิ้งท้าย
ภาพ: Najlah Feanny / Getty images