×

หอการค้าฯ มอง MOU 8 พรรคสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกฝ่าย เชื่อ ส.ส. และ ส.ว. บางส่วนจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้

23.05.2023
  • LOADING...

หอการค้าฯ มอง 8 พรรคการเมือง ลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาลเป็นสัญญาณบวกในการขับเคลื่อนประเทศ เชื่อช่วยโน้มน้าวให้ ส.ส. และ ส.ว. บางส่วนให้การสนับสนุนเพิ่มเติมจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้

 

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยมุมมองภายหลัง 8 พรรคการเมืองลงนาม MOU จัดตั้งรัฐบาล โดยมีเนื้อหา 23 ข้อ และ 5 แนวทางปฏิบัติ โดยระบุว่า หอการค้าฯ มองว่าการลงนามดังกล่าวเป็นการทำการบ้านและเตรียมความพร้อมของชุดนโยบายต่างๆ ที่เชื่อว่าจะออกมาทันทีหลังจากกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ซึ่งส่วนนี้มีความสำคัญมากในแง่การสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศแบบไร้รอยต่อ

 

สำหรับเนื้อหาของ MOU หอการค้าฯ มองเป็น 3 มิติสำคัญในการวางนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ คือ 

 

  1. มิติด้านเศรษฐกิจ เห็นได้ว่ารัฐบาลชุดใหม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน ผ่านประเด็นการร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยยึดหลักเพิ่มรายได้ประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม การจัดทำงบประมาณแบบใหม่ โดยเน้นใช้วิธีการจัดงบประมาณฐานศูนย์ การกำหนดค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูบทบาทผู้นำของไทยในอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือพหุภาคี ซึ่งส่วนนี้จะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการส่งออกได้มากยิ่งขึ้น 

 

ขณะเดียวกันยังมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ เพื่อให้ท้องถิ่นตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม เพิ่มการเข้าถึงตลาด เทคโนโลยี และแหล่งน้ำในภาคการเกษตร การตัด ลด หรือพักใช้ชั่วคราวซึ่งการอนุมัติ อนุญาตที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคเพื่อปรับปรุงใหม่ ให้ความช่วยเหลือสภาพคล่องทางด้านการเงินและสร้างแต้มต่อให้กับ SMEs การยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้า ลดค่าครองชีพประชาชนและสร้างความมั่นคงทางพลังงาน หรือแม้แต่การแก้ไขกฎหมายประมง เหล่านี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เกิดการลงทุนและการจ้างงานเพิ่ม ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยทะยานสวนกระแสวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ 

 

  1. มิติด้านสังคม เห็นการวางแนวนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมโดยรวม ทั้งการเตรียมผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียม กระบวนการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ ระบบสวัสดิการดูแลประชาชน การแก้ไขปัญหายาเสพติด การยกระดับระบบสาธารณสุขเพื่อทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ การปฏิรูประบบการศึกษา และการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero)

 

  1. มิติด้านการเมือง ส่วนนี้จะเป็นการปฏิรูปการทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน และทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของภาครัฐ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยลดความขัดแย้งของสังคมได้มากขึ้น ทั้งการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชน การแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันโดยการสร้างระบบและวัฒนธรรมรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐ การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม

 

สำหรับ 5 แนวทางบริหารประเทศ เชื่อว่าส่วนนี้จะเป็นการวางกรอบการทำงานของแต่ละพรรคการเมืองผ่านฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้พรรคร่วมรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างชัดเจนภายใต้ข้อตกลงร่วม เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ภาคเอกชนจับตามองจากนี้คือ กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่สามารถดำเนินการได้อย่างเรียบร้อยไม่ยืดเยื้อ เพื่อให้ประเด็นต่างๆ ที่ทุกพรรคได้ตกลงกันไว้ผ่าน MOU นำไปขับเคลื่อนในเชิงนโยบายและการปฏิบัติได้จริงอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการเข้ามาเร่งจัดทำงบประมาณประจำปี เพื่อให้แผนงานและโครงการต่างๆ ของประเทศมีความต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก

 

ทั้งนี้ หอการค้าฯ มองว่า 313 เสียง จาก 8 พรรค ตอนนี้จุดแข็งคือมีเสียงข้างมากในสภา ขณะเดียวกันจุดอ่อนก็คงยังเป็นความไม่แน่นอนว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ซึ่งยังต้องรอเสียงเพิ่มเติมจาก ส.ส. และ ส.ว. มาทำให้เกิดความแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าประเด็นจากการ MOU ที่ออกมาน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และทำให้ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. บางส่วนให้การสนับสนุนเพิ่มเติมจนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising