วันนี้ (30 กรกฎาคม) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ‘กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ’ ได้ประกาศเชิญชวนให้ประชาชนออกมาร่วมปกป้อง 3 สถาบันหลักของชาติ โดยนัดหมายจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 14.00 น. เพื่ออ่านแถลงการณ์จุดยืนของกลุ่ม ทำให้ตั้งแต่ก่อนช่วงเวลาจัดกิจกรรมมีประชาชนต่างทยอยมาปักหลักรอเข้าร่วมกิจกรรมอยู่โดยรอบบริเวณ ทุกคนต่างสวมเสื้อสีเหลืองและสีชมพูมาเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่เมื่อถึงเวลาตามนัดหมาย กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘อาชีวะช่วยชาติ’ นำโดย ทศพล มนูญญรัตน์ ได้รวมตัวกับนักศึกษาอาชีวะจากหลายสถาบัน ทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน และประชาชน เพื่อแสดงจุดยืนในการออกมาร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า จากการจัดกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกและกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ขึ้น และต่อมาได้เกิดการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และมวลชน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศนั้น
กิจกรรมดังกล่าวแม้จะยื่นข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก ยุบสภาฯ และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่ปรากฏหลักฐานและข้อเท็จจริงว่ามีการแสดงออกเพื่อต้องการท้าทาย ต่อต้าน หรือกระทั่งล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม และมีการนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาเพื่อปลุกระดมให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องวัตถุประสงค์ของการชุมนุมเพื่อขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล แต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการชุมนุมที่ศูนย์ทุกอย่างที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงขึ้นในสังคม แต่กระนั้นทางแกนนำการชุมนุมกลับบ่ายเบี่ยงปฏิเสธ โดยยืนกรานไม่รู้ไม่เห็นกับหลักฐานและข้อเท็จจริงดังกล่าว
การกระทำที่ท้าทายและต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ดังกล่าวนี้ได้สร้างความสับสนและความกังวลต่อประชาชนทั่วไป และยังส่งผลต่อการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งประชาชนทั่วประเทศได้ให้ความร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก
ทางกลุ่มอาชีวะช่วยชาติซึ่งมีความจงรักภักดีและเห็นว่าชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยังเป็นหมุดหมายที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น
กลุ่มอาชีวะช่วยชาติมิได้ต่อต้านการชุมนุมทางการเมืองโดยเจตนาเพื่อรักษาประชาธิปไตย แต่ต้องตระหนักถึงการกระทำที่ไม่ก้าวล่วงไปในขอบเขตที่อาจนำพาสังคมไทยเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรง
ทั้งนี้ ทางกลุ่มอาชีวะช่วยชาติจะเคลื่อนไหวโดยจะดำเนินกิจกรรมให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และเจตนาที่แท้จริงของผู้ที่อยู่เบื้องหลังการใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือในการต่อต้านล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
จากนั้นได้ร่วมกันชูสามนิ้วเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ทศพล ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม ให้สัมภาษณ์ภายหลังจัดกิจกรรมว่า กรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าแอดมินเพจเคยเป็นแนวร่วม กปปส. ว่ากลุ่มอาชีวะช่วยชาติก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแอดมินเพจเป็นตนเองแล้ว ยืนยันว่าแอดมินคนเดิม ปัจจุบันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพจ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มมีรัฐบาลอยู่เบื้องหลังนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเพียงตนและเพื่อนอีก 2 คน ที่ร่วมกันคิดและดำเนินการจัดกิจกรรมขึ้น ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังแน่นอน
ส่วนความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ วันนี้เป็นเพียงการแถลงจุดยืน และยังไม่อยากยกระดับไปถึงขั้นชุมนุม เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายอย่างมาก การออกมาชุมนุมอาจทำให้ประเทศเสียหายมากกว่าเดิม ทั้งนี้ หากกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือผู้อยู่เบื้องหลังยังมีพฤติกรรมต่อต้านหรือล้มล้างสถาบัน กลุ่มอาชีวะช่วยชาติอาจจะออกมาเคลื่อนไหว แต่ยืนยันว่าจะไม่มีความรุนแรงหรือการเผชิญหน้าเกิดขึ้น และขออย่านำสถานการณ์นี้ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต เพราะแตกต่างกัน
ส่วนจะมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 112 กับคนที่ถือป้ายข้อความไม่เหมาะสมหรือไม่นั้น ขอให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย ทางกลุ่มมีหน้าที่อย่างเดียวคือปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
ทั้งนี้ ทศพลไม่ขอให้ความเห็นกรณีข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนปลดแอกทั้ง 3 ข้อ และไม่ได้สนับสนุน ผลักดัน หรือต่อต้าน เพราะเข้าใจหลักสิทธิมนุษยชน แต่วันนี้มาแสดงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันเท่านั้น และขอฝากถึงกระทรวงที่ดูแลด้านการใช้โซเชียลมีเดียให้ดำเนินการตรวจสอบบุคคลที่ใช้โซเชียลเผยแพร่ข้อมูลจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมฝากถึงผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของนักศึกษาว่าให้ระวังตัวและหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ขณะที่การดูแลความสงบเรียบร้อยในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 สน.ชนะสงคราม และ สน.สำราญราษฎร์ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ มาดูแลความสงบเรียบร้อย โดยก่อนการอ่านแถลงการณ์ของกลุ่ม เจ้าหน้าที่ได้เข้าชี้แจงข้อกฎหมายภายใต้ประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในปัจจุบันให้กับกลุ่มได้รับทราบด้วย
ขณะที่บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และหลังจัดกิจกรรมเสร็จสิ้น ก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ
สำหรับการจัดกิจกรรมในวันนี้ กลุ่มอาชีวะช่วยชาติได้ประกาศว่า การมาในวันนี้ไม่ใช่การชุมนุม แต่เป็นการแถลงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์