จากกรณีที่มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย และจังหวัดเชียงราย 3 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2563) ทำให้ 2 จังหวัดนี้กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงไปในทันที และอาจจะก่อให้เกิดความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ประเด็นดังกล่าวถือว่าค่อนข้างเป็นประเด็นอ่อนไหว เพราะหากเกิดการจำกัดพื้นที่ (Lockdown) ขึ้นมาอีกครั้ง จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่คาดหวังกันไว้อาจจะล่าช้าออกไปอีก
ในมุมของตลาดหุ้น แม้ว่าโดยรวมจะยังสลับยืนอยู่ในแดนบวกได้ แต่ดูเหมือนว่าจะมีความกังวลซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน หากพิจารณาจากประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังมีคุณสมบัติที่ดำรงตำแหน่งต่อไป ควรจะส่งผลบวกต่อ Sentiment ของตลาดมากกว่านี้
“จริงๆ ตลาดหุ้นควรจะตอบรับในเชิงบวกมากกว่านี้ต่อประเด็นที่นายกรัฐมนตรียังดำรงตำแหน่งต่อไปได้ ด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะทำได้ต่อเนื่อง และจากกรณีโควิด-19 ที่เกิดขึ้นจะเริ่มเห็นความกังวลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหากมีการแพร่กระจายไปหลายจังหวัดและทำให้ผู้คนไม่กล้าเดินทาง”
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมของตลาดหุ้นยังค่อนข้างจะดีอยู่ ด้วย Fund Flow ที่เข้ามาขับเคลื่อน ทำให้เรายังเห็นการซื้อสุทธิของทั้งนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน แต่แรงซื้อจะต่อเนื่องหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับความมั่นใจของนักลงทุน
“จากประเด็นโควิด-19 ที่เข้ามา คงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากลุกลามอาจจะเห็นการขายทำกำไร และอาจทำให้โฟลว์ชะงักได้ แต่หากสถานการณ์ไม่ลุกลาม เชื่อว่าโฟลว์ยังจะไหลเข้า และเรายังให้น้ำหนักกับหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่อง”
ด้าน ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า กรณีโควิด-19 ล่าสุด ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น เพราะอาจจะแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ซึ่งผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตลาดหุ้นในแง่ของกลุ่มท่องเที่ยวอาจจะไม่ได้รับผลกระทบหนักไปมากกว่านี้ เนื่องจากถูกกระทบมาก่อนหน้า และสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวภายในไม่ได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าจะถูกกระทบหากการแพร่ระบาดหนักขึ้นคือกลุ่มขนส่งสาธารณะ และจะถูกกระทบหนักขึ้นหากมีการประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง นอกจากนี้กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในประเทศอาจจะกระทบบ้างเล็กน้อย หากผู้คนระแวงต่อการออกจากบ้านมากขึ้น ทั้งในส่วนของร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า
“ช่วงที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งเกิดจากการควบคุมโควิด-19 ในประเทศได้ค่อนข้างดี แต่ถ้าหลังจากนี้เกิดการแพร่ระบาด อาจทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติลดลงได้ และมีความเสี่ยงที่ค่าเงินอาจจะกลับมาอ่อนค่าได้ ส่วนในแง่ตลาดหุ้น อาจกระทบแค่บางกลุ่ม ไม่ได้กระทบทั้งตลาด เพราะมองว่าไม่น่าจะเห็นการล็อกดาวน์แบบเข้มข้น”
สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย (SET) วันนี้ ดัชนี SET ปรับตัวอยู่ในแดนบวกสลับกับลบ โดยระหว่างวันดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1,430.49 จุด +9.62 จุด และต่ำสุดที่ 1,415.10 จุด -5.77 จุด ก่อนจะมาปิดตลาดที่ระดับ 1,417.95 จุด ลดลง 2.92 จุด หรือ 0.21% มูลค่าการซื้อขาย 78,203 ล้านบาท
ส่วนหุ้นที่อาจจะเกี่ยวเนื่องกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่อย่างกลุ่มขนส่ง อาทิ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) อยู่ที่ 64.25 บาท -1.91% บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) อยู่ที่ 9.00 บาท -1.10% บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) อยู่ที่ 10.10 บาท -1.94%
กลุ่มห้างสรรพสินค้า อาทิ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) อยู่ที่ 53.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง กลุ่มโรงแรม อาทิ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) อยู่ที่ 26.00 บาท +1.96% บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) อยู่ที่ 24.60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง หุ้นถุงมือยางอย่าง บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT อยู่ที่ 75 บาท +1.01%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า