หุ้นไทยบวกตามต่างประเทศ หุ้นใหญ่อย่างกลุ่มแบงก์และพลังงานมีวอลุ่มเข้าหนาแน่น สะท้อนแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติที่มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นไทยต่อเนื่อง หลังจากเข้าซื้อสะสมมาตลอดเดือนธันวาคมกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะเข้าซื้อต่อเนื่องปีนี้ แต่ดัชนีอาจย่อตัวจากแรงขาย LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยเปิดการซื้อขายวันแรกของศักราชใหม่วันนี้ (4 มกราคม 2565) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 จุด มาอยู่ที่ 1,688 จุด โดยแรงซื้อไหลเข้าสู่หุ้นในกลุ่มแบงก์ พลังงานอาหาร และเดินเรือ
โดยหุ้น 10 อันดับแรกที่มูลค่าการซื้อสูงสุดคือ
KBANK ราคาเพิ่มขึ้น +2.46%
CPF ราคาเพิ่มขึ้น +3.92%
SCB ราคาเพิ่มขึ้น +1.18%
TRUE ราคาลดลง -2.93%
EA ราคาเพิ่มขึ้น +0.78%
BBL ราคาเพิ่มขึ้น +2.06%
GULF ราคาเพิ่มขึ้น +1.64%
PSL ราคาเพิ่มขึ้น +9.64%
GUNKUL ราคาเพิ่มขึ้น +4.46%
KCE ราคาลดลง -1.70%
บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า หุ้นไทยวันนี้ ดัชนีจะแกว่งตัวแบบ Sideways Up จากภาพการไล่ซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ที่ซื้อสะสม 2.3 หมื่นล้านบาท จึงคาดว่ารอบนี้หุ้นเป้าหมายต่างชาติยังคง Outperform ต่อ ส่วนหุ้น SMID Cap รอบนี้เน้นหุ้น New Economy ที่มีศักยภาพของการเติบโตสูงจาก New S-Curve
นอกจากนี้ การเข้าซื้อสะสมของนักลงทุนต่างชาติดังกล่าว มีโอกาสที่ดัชนีจะสร้าง January Effect และลุ้น LTF ที่ครบกำหนด ยังไม่ขายออก เพราะเลือกที่จะถือลุ้นไปขายตอนที่หุ้นขึ้นมากกว่านี้ แนะยังต้องติดตามและพร้อมปรับแผนอย่าง Dynamic
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประชุมของ ศบค. ที่จะประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์โอไมครอนหลังจากวันที่ 4 มกราคม ซึ่งฝ่ายวิจัยบัวหลวงคาดว่าจะยังไม่ประกาศล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐขอความร่วมมือ Work from Home ต่ออีก 2 สัปดาห์ และยังติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อครัสเตอร์ต่างๆในประเทศ
ด้านฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนมกราคม อาจเผชิญแรงขายจาก LTF ปี 2559 ที่ครบกำหนดไถ่ถอนราว 1.6 -1.7 หมื่นล้านบาทจากเม็ดเงินซื้อสะสมตามมูลค่าตลาด 6.38 หมื่นล้านบาท โดยมีต้นทุนเชิงเปรียบเทียบอยู่ที่ 1,504 จุด อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่ดัชนีจะได้รับแรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่เริ่มเห็น Momentum ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยมากขึ้นในเดือนธันวาคม 2.3 หมื่นล้านบาท
อีกทั้งตลาดหุ้นไทยยังถือว่า Laggard ตลาดหุ้นโลก โดยฟื้นจากโควิดช่วงต้นปี 2020 เพียง 5% ตลาดหุ้นโลกปรับขึ้น 34% พร้อมกับกำไรที่อยู่ในช่วงฟื้นตัวต่อเนื่องและยังมี Valuation ในเชิงเปรียบเทียบที่น่าสนใจ ภายใต้ดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ หนุน Forward MEYG65F ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 4.5% (ระดับใกล้เคียง +1SD) สูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ 4.5% หากดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับขึ้น 3 ครั้งในปีหน้าจะเหลือ 3.7% (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย) หนุน Fund Flow ต่างประเทศที่ถือครองหุ้นไทยทางตรงอยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 20% และ Fund Flow ในประเทศมีโอกาสไหลเข้าเพิ่มเติม จึงถือเป็นจังหวะดีในการเข้าสะสมหุ้นไทย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP