ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (16 มิถุนายน) ดัชนี SET ปิดการซื้อขายที่ 1,561.10 จุด ลดลง 32.44 จุด หรือ 2.04% จากวันก่อนหน้า โดยระหว่างวันดัชนีลดลงไปแตะระดับ 1,560.94 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับแต่ต้นเดือนสิงหาคม 2564
แรงขายที่กดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ โดยหลักมาจากกลุ่มพลังงาน สื่อสาร และพาณิชย์ ขณะที่กลุ่มที่ยืนบวกได้เล็กน้อยสวนทางกับตลาดคือกลุ่มท่องเที่ยว และเครื่องใช้ในครัวเรือน
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบตลาดหุ้นไทยกับประเทศใกล้เคียงอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ พบว่าดัชนีหุ้นของทั้งสองประเทศสามารถยืนบวกได้ 0.6% และ 1.1% ในวันนี้
สรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ช่วง 100 วันที่ผ่านมา หุ้นไทยถือว่าแข็งแกร่งกว่าภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งลดลง 10-15% ขณะที่หุ้นไทยลดลงราว 3-5% ซึ่งเป็นผลจากอานิสงส์ของหุ้นกลุ่มพลังงานที่คิดเป็น 30-35% ของตลาด ด้วยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงทำให้ประมาณการกำไรของไทยปรับขึ้นตามกลุ่มพลังงาน
“แต่ตอนนี้ภาพเริ่มกลับกัน หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะเจรจากับซาอุดีอาระเบีย ทำให้เราอาจเห็นปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และหากราคาน้ำมันลงแรงก็อาจกดดันให้ SET ดิ่งลงไปถึง 1,535 จุด เพราะเมื่อน้ำมันลง หุ้นไทยไม่เคยรอด”
สรพลกล่าวต่อว่า ช่วงไตรมาส 3 เชื่อว่าบอนด์ยีลด์และเงินเฟ้อจะพีคทั้งคู่ ก่อนจะค่อยๆ คลี่คลายลง ส่วนหนึ่งจากการที่ราคาน้ำมันเริ่มลดลง แต่ตลอดทั้งไตรมาส 3 หุ้นไทยน่าจะซึมลงและยากต่อการเข้าซื้อขาย เพราะฉะนั้นนักลงทุนอาจจะมองข้ามไตรมาส 3 และรอซื้อสะสมในไตรมาส 4 ซึ่งจะเริ่มเห็นว่าจุดพีคของดอกเบี้ยจะอยู่ตรงไหน
“ช่วงที่เริ่มเห็นสัญญาณว่านักลงทุนกำลังกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะเป็นจังหวะที่ดีในการเริ่มซื้อสะสม โดยสองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจคือโรงไฟฟ้า และที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี ส่วนภาพระยะสั้น นักลงทุนที่อาจจะยังถือหุ้นอยู่อาจรอจังหวะให้ตลาดฟื้นตัวและขายออกในจังหวะนั้น”
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า หุ้นไทยลดลงแรงวันนี้เพราะถูกกลุ่มพลังงานดึงลง กดดันจากปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือ การเรียกประชุมด่วนของนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ ทำให้หุ้นกลุ่ม ปตท. อาจถูกกระทบ ขณะเดียวกันการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ของ Fed จะกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง
นอกจากนี้ หุ้นที่ถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างไฟแนนซ์และสื่อสารก็ถูกกดดันเช่นกัน ส่วนกลุ่มธนาคารที่ช่วยหนุนในช่วงเช้าก็เซไปตามภาพรวมตลาด และการที่ดัชนี SET หลุดแนวรับบริเวณ 1,580 จุด ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งยอมขายตัดขาดทุนออกมา
“หากใครที่ยังถือหุ้นกลุ่มพลังงานอยู่ก็อาจจะต้องยอมขายตัดขาดทุนไปก่อน เพราะมีความเสี่ยงที่จะลดลงต่อได้ หลังจากนี้ตลาดน่าจะเริ่มเลือกหุ้นเป็นบางกลุ่มที่ยังพอมีปัจจัยหนุน เช่น ประกัน และส่งออกอาหาร รวมถึงหุ้นที่เคยถูกกดดันจากน้ำมันขาขึ้น เช่น SCC และกลุ่มโลจิสติกส์ อย่างเช่น KEX”
