หุ้นไทยปรับตัวลดลง 20 จุด ดัชนีลงแรงในช่วงบ่ายจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศที่ปรับพอร์ตลงทุนเพื่อรอดูอาการความรุนแรงจากโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ด้านนักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยซึมต่อราว 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนทั่วโลกยังติดตามอาการโควิด การแพร่กระจาย และประสิทธิภาพวัคซีนที่จะมารักษา ขณะที่การประกาศปิดประเทศของประเทศสำคัญทั่วโลกจะเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเป็นระยะ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 พฤศจิกายน) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,589.69 จุด ลดลง 20.92 จุด หรือ -1.30% มูลค่าการซื้อขาย 115,806.02 ล้านบาท โดยสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 3,368.48 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 1,070.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 4,370.36 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 8,809.38 ล้านบาท
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวว่า หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงหนักในช่วงการซื้อขายภาคบ่าย ซึ่งเป็นผลจากการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ โดยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (สิงหาคม กันยายน ตุลาคม) มีการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่ม Re-Opening ของไทยค่อนข้างมาก เพราะมองว่าเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของไทยน่าจะฟื้นตัว และเมื่อเกิดการกลายพันธุ์ของโควิดจนเกิดเป็นสายพันธ์ุโอไมครอน ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ต้องกังวล (Variant of Concern) จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่ม Re-Opening
ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีน่าจะปรับลดลงมาถึงระดับ 1,570-1,580 จุด หรือคิดเป็นการปรับลดลงจากจุดสูงสุด (1,650 จุด) ประมาณ 4-5% แล้วจะรีบาวด์กลับขึ้นไปได้อีกครั้ง โดยเทียบกับสถิติตอนสายพันธุ์เดลตาระบาด ซึ่งหุ้นไทยปรับลดลงราว 4% ก็รีบาวด์ขึ้น
ขณะเดียวกัน ประเมินว่าความกังวลเรื่องโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะกดดันบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกราว 1-2 สัปดาห์ ตามช่วงเวลาของการติดตามอาการป่วยจากสายพันธุ์ดังกล่าวว่าจะมีความรุนแรงมากหรือน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ หรือไม่อย่างไร รวมถึงติดตามการพัฒนาประสิทธิภาพวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและเจ็บป่วยจากสายพันธุ์นี้ด้วย
“แม้จะมีการระบุว่าสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดเร็ว แต่อาการไม่รุนแรง แต่ประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เพราะสายพันธุ์นี้แพร่ระบาดในหลายประเทศแถบยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายของไทย นอกจากนี้ การที่หลายประเทศสำคัญๆ เช่น ญี่ปุ่น ประกาศปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของสายพันธุ์นี้ ก็สร้างความกังวลแก่นักลงทุนต่างชาติมากขึ้น”
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.หยวนต้าได้ประเมินรอบการพักของดัชนี เป็น 2 กรณี
- กรณีฐาน ห้ามการเดินทาง แต่ยังไม่ Full Lockdown คาด SET Index แกว่งรอผลพัฒนาวัคซีน mRNA แนวรับ 1,590-1,600 จุด
- กรณีแย่ที่สุด-หลายประเทศกลับไป Full Lockdown คาด SET Index ปรับตัวลง 5-7% หาแนวรับ 1,550-1,570 จุด
ด้านฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ ประเมินแนวโน้มดัชนีในวันพรุ่งนี้ (30 พฤศจิกายน) หากดัชนียืนได้แถว 1,690-1,580 จุด ก็มีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,600-1,620 จุด
พร้อมให้ติดตามสถานการณ์ความคืบหน้าของสายพันธุ์โอไมครอน และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อีกทั้งติดตามภาครัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีนี้หรือไม่
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP