×
SCB Omnibus Fund 2024

‘หุ้นไทย’ วันทำการแรกเดือนพฤษภาคม ต่างชาติกระหน่ำขาย 1 หมื่นล้านบาท กดดัน SET ดิ่งหนัก 34 จุด

05.05.2021
  • LOADING...
‘หุ้นไทย’ วันทำการแรกเดือนพฤษภาคม ต่างชาติกระหน่ำขาย 1 หมื่นล้านบาท กดดัน SET ดิ่งหนัก 34 จุด

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (5 พฤษภาคม)​ ซึ่งเป็นวันทำการแรกของเดือนพฤษภาคม พบว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง มาปิดตลาดที่ระดับ 1,549.22 จุด ลดลง 33.91 จุด หรือ 2.14% มูลค่าการซื้อขายรวม 127,109 ล้านบาท โดยแรงขายหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มการเงินและพลังงาน

 

โดยนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิออกมาสูงถึง 10,475 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 637 ล้านบาท ด้านพอร์ตลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 2,064 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายบุคคลเป็นกลุ่มเดียวที่ซื้อสุทธิจำนวน 13,177 ล้านบาท

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัย บล.บัวหลวง กล่าวว่า แรงขายของนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินกลุ่มไฟแนนซ์ เชื่อว่าเป็นผลจากความกังวลที่มีต่อสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ที่อาจกระทบต่อคุณภาพหนี้ที่มีแนวโน้มแย่ลง

 

“เท่าที่ดูแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ หลักๆ พากันขายออกมาในหุ้นกลุ่มแบงก์ และมีนอนแบงก์บ้าง เช่น MTC และ SAWAD ซึ่งน่าจะเป็นเพราะกังวลปัญหาหนี้เสียที่อาจเพิ่มขึ้นจากการกลับมาระบาดในรอบใหม่ของโรคโควิด-19” 

 

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทยในระยะข้างหน้า เชื่อว่าดัชนีปรับลดลงมาพอสมควรแล้ว หลังจากนี้น่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะไซด์เวย์ กล่าวคือ น่าจะมีการรีบาวด์กลับขึ้นไปบ้าง แต่เมื่อขึ้นไประดับหนึ่งก็จะมีแรงขายออกมา กดดันให้ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ

 

ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า กล่าวว่า การปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทยในวันนี้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความกังวลว่า Fed จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่าที่คาดการณ์ หลังจากเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังของสหรัฐฯ มีถ้อยแถลงเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง ซึ่งจะกระทบกับเงินเฟ้อ และจะทำให้ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

โดยถ้อยแถลงนี้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลต่อราคาสินทรัพย์และอัตราผลตอบแทน โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่อาจต้องเผชิญกับต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และศักยภาพการทำกำไรที่แคบลง หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้น 

 

2. ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ หากมองตัวเลขผู้เสียชีวิต และผู้รักษาตัวจนหายแล้ว จะเห็นว่ามีความสอดคล้องกันดีขึ้น และจะนำไปสู่แนวโน้มความสมดุลด้านการรักษา

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องโควิด-19 ในประเทศได้เพิ่มอีกหนึ่งความกดดันต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากในช่วงบ่ายวันนี้มีกระแสข่าวเรื่องมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งจะมีการพักหนี้ด้วย โดยการพักหนี้ให้ผู้ประกอบการจะกระทบกับการตั้งสำรองของกลุ่มแบงก์ และทำให้กำไรของกลุ่มนี้ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ 

 

3. ปรากฏการณ์ Sell In May ซึ่งแม้จะเป็นปรากฎการณ์ที่นักลงทุนคุ้นชินแล้ว แต่ปีนี้ก็น่าจะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากตลาดหุ้นหลายประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูงขณะที่กำไรเริ่มเติบโตไม่ทัน ทำให้นักลงทุนเลือกขายเพื่อทำกำไรก่อน 

 

สำหรับสภาวการณ์ที่ผันผวนเช่นนี้ แนะนำนักลงทุนเน้นการลงทุนระยะสั้น และหาจังหวะขายทำกำไร และหากต้องการเข้าลงทุนในจังหวะที่ราคาย่อตัว แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีผลประกอบการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น หุ้นที่สอดรับกับธีม Global Play เช่น ส่งออก และหุ้นที่ราคายังไม่สูงมากแต่ผลประกอบการดี

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising