วันนี้ (12 มกราคม) เตช บุนนาค ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทยฝ่ายบริหาร ออกแถลงการณ์ระบุว่า พบบุคลากรสภากาชาดไทยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย โดยเป็นการติดเชื้อจากบุคลากรที่ติดเชื้อรายแรกที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยืนยันในจังหวัดอ่างทอง และเดินทางเข้ามาทำงานในสภากาชาดไทย
โดยมีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ปรากฏว่ามีบุคลากรสภากาชาดไทย ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากการใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันในจังหวัดอ่างทอง และเข้ามาปฏิบัติงานภายในสภากาชาดไทยนั้น
สภากาชาดไทยขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่าสภากาชาดไทย ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ดังต่อไปนี้
1. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคทั่วบริเวณพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
2. ชักประวัติ สืบสวนโรค และคัดกรองบุคลกรสภากาชาดไทยกลุ่มเสี่ยงเพื่อไปตรวจหาชื้อที่โรงพยบาลฬาลงกรณ์ จำนวน 41 ราย เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564 โดยให้บุคลากรสภากาชาดไทยที่มีประวัติสัมผัสเสี่ยงสูงดำเนินการกักตัวทันทีที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อย่างเคร่งครัด
โดยสรุปผลการตรวจหาเชื้อของบุคลากรสภากาชาดไทย 41 ราย ดังนี้
- ไม่พบว่าติดเชื้อ จำนวน 40 ราย
- พบว่าติดเชื้อ จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นผู้ไกล้ชิดกับบุคลากรสภากาชาดไทยที่ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รายแรก เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2564)
3. วันที่ 11 มกราคม 2564 ได้ส่งบุคลากรสภากาชาดไทย กลุ่มเสี่ยงต่ำไปตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย จำนวน 76 ราย (ไม่พบว่าติดเชื้อทั้ง 76 ราย)
ทั้งนี้สภากาชาดไทยได้มีการเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีการดำเนินการมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รวมทั้งดำเนินการปรับระบบการให้บริการทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัย ลดความแออัด ลดวามเสี่ยงต่อการติดเชื้อแก่ผู้รับบริการและผู้ปฏิบัติงาน
สภากาชาดไทยขอเรียนว่า หน่วยงานต่างๆ ของสภากาชาดไทย ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจในมาตรการการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ตามมาตรฐานที่ ศบค. กำหนดเมื่อมารับบริการ บุคลากรของสภากาชาดไทยทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น และพร้อมให้ความช่วยเหลือ ดูแลผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ด้วยการบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย ดังที่ปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 128 ปี