วันนี้ (3 เมษายน) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ หรือสนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อที่สนามบินสุวรรณภูมิต้องปรับมาตรการในการดูแลคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เข้มงวดและเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม หลังมีคำสั่งให้มีการชะลอการเดินทางกลับ และเมื่อกลับมายังประเทศไทย ต้องเข้าสู่มาตรการคัดกรอง กักกันอย่างเข้มข้น
ผู้โดยสารรายหนึ่งเปิดเผยกับทีมข่าว THE STANDARD ว่า วันนี้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยสารการบินระหว่างประเทศที่บินปกติ ตนเองได้ไปขอใบรับรองแพทย์และหนังสือรับรองการเดินทางจากสถานทูตฯ อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และดีใจมากที่จะได้กลับมาเจอครอบครัวที่ประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางถึงสนามบิน เจ้าหน้าที่ได้ให้ทุกคนไปที่ด่านควบคุมโรค ซึ่งตนก็เข้าใจดีว่าเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการคัดกรอง และยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำหนังสือเดินทางและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ โดยใช้ระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งตนได้สังเกตเห็นว่า มีคนไทยที่มารอแบบเดียวกับตนอยู่ก่อนหน้าแล้ว บางคนบอกว่ารอมาเป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงแล้ว และเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ขอให้รอการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ได้มาแจ้งให้ทุกคนทราบว่า จะต้องถูกนำไปกักตัว 14 วัน ตามมาตรการด้านสาธารณสุขในการควบคุมโรคโควิด-19 ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ ทำให้ผู้โดยสารหลายคนไม่พอใจ เนื่องจากรอนานและต้องการกลับไปพบครอบครัว รวมถึงกักตัวเองที่บ้าน บางคนได้จองโรงแรมไว้เพื่อกักตัวเองแล้วด้วย โดยให้เหตุผลว่า สถานทูตไทย ซึ่งเป็นประเทศต้นทาง หรือเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าให้ตนเองทราบแต่อย่างใด
ขณะที่นายทหารคนหนึ่งได้เข้ามาชี้แจงเหตุผลว่า เข้าใจผู้โดยสารทุกคน แต่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่นี่เป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง ข้อกำหนดของรัฐบาล เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อคำสั่งใดๆ ได้ ตนเองได้รับผู้โดยสารอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานับเดือนแล้ว อยากจะเรียนให้ทราบว่า สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าหลายประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับการเสียสละ เพื่อให้ภาพรวมเดินต่อไปได้ และให้ยอดของไทยนิ่งและหายไปโดยเร็ว จะได้เข้าสู่ภาวะปกติ เข้าใจว่า คำสั่งมาในช่วงรอยต่อของเวลา ซึ่งเรามีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจ
ระหว่างนั้นผู้โดยสารได้ประท้วงไม่เห็นด้วยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนตั้งคำถามว่า เป็นการอธิบายที่ไม่มีข้อสรุป เมื่อรับมือมาเป็นเดือน เหตุใดไม่มีมาตรการที่เตรียมพร้อม และยืนยันว่า ตนเองมีเอกสารครบถ้วนทุกอย่าง เมื่อเดินทางมาระหว่างนั้นมีคำสั่งกักตัว จึงรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายทหารคนดังกล่าวอธิบายว่า อำนาจในการพิจารณาเรื่องนี้อยู่ที่การตัดสินใจของผู้มีอำนาจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขอเวลาในการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับบรรยากาศที่เกิดขึ้น มีผู้โดยสารจำนวนกว่าร้อยรายที่ยังรอคำตอบ และยืนยันที่จะไม่ไปกักตัวที่สัตหีบ ตามเหตุผลที่ได้แจ้งมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.40 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อนุญาตให้กลับไปกักตัวที่บ้าน เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของเวลา โดยขอให้ทุกคนได้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด อธิบายชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลต่างๆ และแสดงเอกสารให้ครบถ้วน
ขณะที่วานนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งระบุถึงคนไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ และต้องการเดินทางกลับไทยว่า
“หากต้องการกลับเมืองไทยก็จะต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง การกักตัว และการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ต้องขอความร่วมมือให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 เมษายน เพื่อรักษาสุขภาพทั้งคนไทยในประเทศและท่านที่จะเดินทางกลับ” นายกรัฐมนตรีระบุ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
