วันนี้ (20 กรกฎาคม) อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส. จังหวัดราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม) ซึ่งมีการอภิปรายนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2
อัครเดชกล่าวว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าทางพรรคก้าวไกล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศไม่แตะต้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่พวกเราจะสนับสนุนให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และอยากให้พรรคก้าวไกลมีโอกาสเป็นรัฐบาล
“การที่พรรคก้าวไกลชูนโยบายการแก้ไขมาตรา 112 หากกลับไปทบทวนเมื่อวานนี้ ญัตติที่ถูกเสนอขึ้นมาใหม่ถือว่าเป็นสถานการณ์ใหม่ก็จะไม่มีใครไปคัดค้านและสามารถที่จะโหวตเลือกพิธาได้ และมีคนจำนวนมากอยากให้พิธาบริหารประเทศ แต่ไม่อยากให้แตะต้องมาตรา 112” อัครเดชกล่าว
อัครเดชกล่าวต่อว่า ในส่วนของตนถ้าพรรคก้าวไกลถอยเรื่องมาตรา 112 โอกาสที่พรรคก้าวไกลจะจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปได้สูง เพราะตนเป็นคนหนึ่งที่พร้อมที่จะทำความเข้าใจกับ ส.ส. ว่าถ้าถอยจากมาตรา 112 ตนเองพร้อมที่จะทำความเข้าใจและพร้อมสนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล และจะเดินสายทำความเข้าใจให้ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบกับพิธามาสนับสนุนพรรคก้าวไกลให้มาบริหารประเทศชาติ
อัครเดชกล่าวว่า ในกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้จบไปแล้ว เพราะวันที่ 13 กรกฎาคม แต่ถ้าพรรคก้าวไกลทบทวนถึงความห่วงใยของ ส.ส. ที่ได้อภิปรายไปว่าไม่เห็นชอบพิธาเพราะอะไร ซึ่งเป็นประเด็นเดียวคือมาตรา 112 ถ้าพรรคก้าวไกลกลับไปทบทวนเมื่อวานนี้ ญัตติที่เสนอพิธาก็จะไม่ตก เพราะเป็นสถานการณ์ใหม่ และตนได้อภิปรายชัดเจนว่าในเมื่อสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยน การเสนอชื่อพิธาอีกครั้งจึงเป็นการผิดข้อบังคับรัฐสภา ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญเทียบเท่ากับพระราชบัญญัติ
