โลกยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและระบบการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภูมิทัศน์ของตลาดแรงงานกำลังถูกพลิกโฉมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
คำว่า “ทักษะ” ไม่ได้มีความหมายจำกัดอยู่แค่เพียงหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำในแต่ละวันอีกต่อไป แต่หมายถึงชุดทักษะและความสามารถที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตในยุคที่ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
วันนี้ THE STANDARD ได้มีโอกาสพูดคุยกับ เดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ถึงมุมมองของทักษะแรงงานกับโลกที่เปลี่ยนไป และเปิดโอกาสให้แรงงานไทย โดยเฉพาะเยาวชนได้มีโอกาสแสดงศักยภาพในงานระดับภูมิภาคอย่าง “WorldSkills ASEAN Manila 2025” ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ในปีนี้
ภูมิทัศน์ของทักษะแรงงานในศตวรรษที่ 21
เดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ เผยว่า ปัจจุบันทักษะแรงงานใหม่ที่กำลังถือกำเนิดขึ้นมาสักพักแล้วคือ ทักษะด้าน AI คือทักษะสำคัญที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ช่วยลดขั้นตอนและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ผู้ที่ไม่ปรับตัวจะตามไม่ทัน AI จะกำหนดคุณภาพและทักษะแรงงานโลก แรงงานที่ใช้เทคโนโลยีได้ดีจะมีประสิทธิภาพสูง
เดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
เมื่อมองในภาพปัจจุบัน อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานยอมรับว่า แรงงานไทยยังขาดทักษะ เช่น พนักงานโลจิสติกส์ที่ต้องฝึกอบรม 250 ชั่วโมงก่อนเริ่มงาน ปัญหาเกิดจากระบบการศึกษาในอดีต กรมฯ จึงร่วมมือกับเอกชนและสถาบันการศึกษาเพื่อแก้ไข
“ปัจจุบัน กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน หรือสถาบันการศึกษา เราจะไปเป็น Regulator (ผู้กำหนดกฎเกณฑ์) อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องร่วมกับภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาที่จะทำงานตรงนี้”
ภูมิทัศน์ทักษะแรงงานกำลังเปลี่ยนแปลงไป และโจทย์สำคัญของประเทศไทยคือการพัฒนาทักษะตั้งแต่เยาวชน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการยกระดับรากฐานประเทศให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
WorldSkills ASEAN Manila 2025 มากกว่าการแข่งคือการลับคมทักษะแรงงาน
กลไกสำคัญอย่างหนึ่งที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะแรงงานคือ “การแข่งขันฝีมือแรงงาน” ที่เป็นระบบซึ่งถูกออกแบบมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อพาทักษะที่มีฝีมือของไทยไปแข่งขันระดับภูมิภาค
ตัวอย่างเช่น การแข่งขันฝีมือเเรงงานอาเซียน ครั้งที่ 14 หรือ WorldSkills ASEAN Manila 2025 ที่แข่งขันที่สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในวันที่ 21 – 31 สิงหาคม 2568
การแข่งขันฝีมือเเรงงานอาเซียน ครั้งที่ 14 หรือ WorldSkills ASEAN Manila 2025 ณ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ วันที่ 21 – 31 สิงหาคม 2568
การแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน หรือ WorldSkills ASEAN Competition เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นทุก 2 ปี เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเยาวชนอายุไม่เกิน 22 ปี ที่มีความสามารถด้านทักษะฝีมือในแต่ละสาขาอาชีพ โดยแต่ละประเทศสามารถส่งตัวแทนเข้าแข่งขันได้ไม่เกินสาขาละ 2 คน
การแข่งขันนี้ใช้ระยะเวลา 3 วัน (15-18 ชั่วโมง) และยึดรูปแบบ กติกา รวมถึงมาตรฐานการแข่งขันมาจาก WorldSkills International Competition หรือการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ซึ่งจัดโดยองค์การการแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ (WorldSkills International: WSI) ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 89 ประเทศทั่วโลกเป็นต้นแบบ
เวที WorldSkills ASEAN ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันเพื่อชิงชัย แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนทิศทางการพัฒนาของโลกได้อย่างชัดเจน แบบทดสอบ (Test Project) ที่ใช้ในการแข่งขันนั้นอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากลของ WorldSkills International และมีการปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ ทำให้เนื้อหาของแบบทดสอบสะท้อนถึงเทคโนโลยีล่าสุดและความต้องการของตลาดแรงงานทั่วโลก ซึ่งทำให้เราสามารถเห็นได้ว่าทักษะแบบใดที่กำลังเป็นที่ต้องการและทักษะใดที่อาจจะลดความสำคัญลงในอนาคต
“เดิมทีสาขาวิชา Cyber Security ไม่เคยมีการแข่งขันมาก่อน แต่ปัจจุบัน โลกมีความต้องการทักษะแรงงานนี้มากขึ้น เป็นทักษะที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ทำให้การแข่งขันนี้จึงเพิ่มสาขานี้ขึ้น ตามทิศทางทักษะแรงงานโลก”
ทิศทางแรงงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์กำลังเพิ่มมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน งานช่างฝีมือแบบดั้งเดิมอย่างงานช่างปูนหรือช่างไม้ เริ่มมีการแข่งขันน้อยลง เพราะเทคโนโลยีการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
นี่จึงเป็นการบ้านที่ประเทศไทยต้องนำมาขบคิดว่า เราจะผลิตบุคลากรในสาขาใดเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ของประเทศและทิศทางของตลาดแรงงานโลกได้อย่างเหมาะสม
เส้นทางก่อนจะมาเป็นตัวแทนทีมชาติไทยใน WorldSkills ASEAN Manila 2025
กระบวนการแข่งขันฝีมือแรงงานเริ่มต้นด้วย “การแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ ระดับภาค” ซึ่งเป็นการคัดเลือกตัวแทน 12 คนจาก 4 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย (ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้) ในแต่ละสาขา
จากนั้น ผู้ชนะ 3 อันดับแรกของแต่ละสาขาจากระดับภาคจะเข้าสู่ “การแข่งขันฝีมือแรงงานแห่งชาติ” ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับชาติ โดยมีผู้เข้าแข่งขัน 12 คนต่อสาขา (ภูมิภาคละ 3 คน) ซึ่งรวมสาขาที่มีอยู่เดิมและบางสาขาที่เพิ่มเข้ามาในระดับชาติ ผู้ชนะการแข่งขันระดับชาติ 2 อันดับแรกในสาขาที่ประเทศไทยจะส่งเข้าแข่งขันระดับอาเซียนจะได้เป็นตัวแทนต่อไป
“การแข่งขันจะไล่มาตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับภาค และตัวแทนประเทศไทย จากนั้นเราตกลงกันในกลุ่มอาเซียนแล้วจัดกันเอง 2 ปีครั้ง หรือก็คือ WorldSkills ASEAN นั่นเอง”
หลังจากการแข่งขัน WorldSkills ASEAN ผู้เข้าแข่งขันที่มีผลงานโดดเด่นจะได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขัน WorldSkills Asia ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับทวีป โดยเยาวชนชุดนี้จะถูกคัดเลือกเป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันฝีมือแรงงานเอเชีย ครั้งที่ 3 (WorldSkills Asia Taipei 2025) ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน
และผู้ชนะจากเวทีเอเชียจะมีโอกาสก้าวสู่ WorldSkills Competition หรือที่เปรียบเสมือนโอลิมปิกของทักษะอาชีพ ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับโลกที่จัดขึ้นทุกสองปี โดยมีเยาวชนและคนทำงานฝีมือจากทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขัน โดยจะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2569 ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในชื่อ การแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ ครั้งที่ 48 หรือ WorldSkills Shanghai 2026 เพื่อเป็นการปิดท้ายการแข่งขันในรอบนี้
จุดแข็งทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จที่ผ่านมา คือ ความประณีต
ประเทศไทยได้เข้าร่วม WorldSkills ASEAN ทุกครั้งและได้รับเหรียญรางวัลในสาขาช่างและบริการที่ไทยมีจุดแข็ง ตลอด 13 ครั้งที่ผ่านมา ทีมชาติไทยคว้าเหรียญรางวัลถึง 276 เหรียญ โดยสาขาที่ได้รับเหรียญรางวัลมากที่สุดคือ สาขาช่างเชื่อม สะท้อนและตอกย้ำศักยภาพแรงงานไทยในเวทีภูมิภาค
ความสำเร็จนี้เกิดจากจุดแข็งด้าน “ความประณีต ละเอียดอ่อน และใส่ใจในคุณภาพของงาน” ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยมักทำผลงานได้ดีในเวทีนานาชาติ โดยเฉพาะสาขาที่ต้องใช้ทักษะทางเทคนิคและความเข้าใจในมนุษย์ไปพร้อมกัน เช่น การแต่งผม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม
ความประณีต ละเอียดอ่อน ใส่ใจในคุณภาพ คือจุดแข็งของแรงงานไทย
นอกจากนี้ แรงงานเยาวชนไทยก็มี Soft Skills ด้านความอ่อนน้อมและยืดหยุ่นในการเรียนรู้ ปรับตัวเข้ากับโจทย์ซับซ้อนและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว มีความตั้งใจสูงในการฝึกฝน ซึ่งเมื่อได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม จะพัฒนาเป็นแรงงานคุณภาพสูงได้ในเวลาอันสั้น
บทเรียนจากอดีต: การจัดการคือกุญแจสู่ชัยชนะ
เส้นทางสู่เวที WorldSkills ASEAN ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ การเตรียมความพร้อมของทีมเยาวชนไทยต้องเผชิญกับความท้าทายและข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการและงบประมาณที่เคยเป็นปัญหาสำคัญในอดีต
“เพื่อให้เยาวชนไทยที่เป็นตัวแทนของชาติได้ทำผลงานที่ดีขึ้น ปีนี้เราได้จัดการและจัดสรรงบประมาณอย่างรวดเร็วมากขึ้น ทำให้เยาวชนได้มีเวลาเก็บตัวราว 90 วัน เพื่อให้เกิดการซักซ้อมและทบทวนโจทย์”
ทีมชาติไทยชุดปัจจุบันได้รับการฝึกสอนโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ
ทีมงานยังมี “ผู้เชี่ยวชาญ” บางท่านเป็นอดีตผู้เข้าแข่งขันที่เคยคว้ารางวัลระดับนานาชาติ ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน โดยนำโจทย์ WorldSkills International ครั้งล่าสุดมาใช้เป็นแนวทางในการฝึกซ้อม เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันเข้าใจและฝึกฝนโจทย์ที่หลากหลายและซับซ้อนได้อย่างครอบคลุม “ผู้เข้าร่วมจะได้รับการฝึกฝนตามรูปแบบการแข่งขัน ทั้งการเขียนโปรแกรม วงจร และการติดตั้ง โดยโจทย์ทั้งหมดได้มาจาก WorldSkills International”
ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขัน WorldSkills มาแล้ว 13 ครั้ง และได้รับเหรียญรางวัลกลับมาฝากชาวไทยทุกครั้ง โดยเฉพาะในสาขาทักษะช่างและบริการ ซึ่งสอดคล้องกับอุตสาหกรรมการลงทุนในประเทศ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเคยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับอาเซียนถึง 3 ครั้ง (ปี 2544, 2553, 2561) และได้รับการชื่นชมในการจัดเตรียมงานที่สร้างความประทับใจแก่คณะผู้เข้าร่วมแข่งขันเสมอมา
ทีมชาติไทยเตรียมพร้อม ส่ง 17 สาขาเข้าชิงชัย
การแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ครั้งที่ 14 (WorldSkills ASEAN Manila 2025) จะจัดขึ้นที่กรุงมะนิลา ปีนี้มีการแข่งขันทั้งหมด 32 สาขา ประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันถึง 17 สาขา คือ
- สาขาการแต่งผม (Hairdressing)
การสร้างสรรค์และจัดแต่งทรงผมอย่างมีศิลปะ ใช้เทคนิคการตัด ซอย ย้อม และจัดทรง เพื่อสะท้อนความงามและความเป็นแฟชั่นระดับนานาชาติ
- สาขาเทคโนโลยีงานเชื่อม (Welding)
การเชื่อมโลหะหลากหลายชนิดด้วยเทคนิคต่าง ๆ เน้นความแข็งแรง ความแม่นยำ และความปลอดภัย ใช้ทักษะที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมการผลิตและการก่อสร้าง
- สาขาเมคคาทรอนิกส์ (ทีม) (Mechatronics)
การผสานองค์ความรู้ด้านเครื่องกล ไฟฟ้า และการควบคุมอัตโนมัติ ทีมผู้เข้าแข่งขันต้องสร้างและแก้ปัญหาระบบอัตโนมัติที่ซับซ้อน
- สาขาหุ่นยนต์เคลื่อนที่ (ทีม) (Autonomous Mobile Robotics)
ออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองในสภาพแวดล้อมที่กำหนด ทีมแข่งขันต้องควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
- สาขาเทคโนโลยีระบบทำความเย็น (Refrigeration and Air Conditioning)
ทักษะด้านการติดตั้ง ซ่อมบำรุง และดูแลระบบทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ที่ใช้ทั้งในครัวเรือนและอุตสาหกรรม
- สาขาเทคโนโลยีเว็บ (Web Technologies)
การพัฒนาเว็บไซต์และเว็บแอปพลิเคชัน ตั้งแต่การเขียนโค้ด ออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ ไปจนถึงการจัดการระบบหลังบ้าน
ทีมชาติไทยได้ส่งตัวแทนไปถึง 17 จาก 32 สาขาในปีนี้
- สาขาเทคโนโลยีระบบไฟฟ้าภายในอาคาร (Electrical Installations)
การติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในอาคารให้ได้มาตรฐาน ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้งาน
- สาขาการปูกระเบื้อง (Wall and Floor Tiling)
ทักษะด้านการเลือก ใช้วัสดุ และการติดตั้งกระเบื้องบนพื้นและผนัง ให้มีความสวยงาม แข็งแรง และได้มาตรฐาน
- สาขาการสร้างโมเดลในเกมสามมิติ (3D Digital Game Art)
การออกแบบและสร้างโมเดล 3 มิติ สำหรับเกมคอมพิวเตอร์ ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะด้านกราฟิกดิจิทัล
- สาขาการประกอบอาหาร (Cooking)
การปรุงอาหารทั้งแบบดั้งเดิมและนานาชาติ เน้นรสชาติ ความสะอาด และการจัดจานที่สวยงาม
- สาขาการบริการอาหารและเครื่องดื่ม (Restaurant Service)
ทักษะการบริการในภัตตาคารหรือร้านอาหาร ครอบคลุมการจัดโต๊ะ เสิร์ฟอาหาร และการดูแลลูกค้า
- สาขาการเขียนแบบวิศวกรรมเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ (Mechanical Engineering CAD)
การใช้ซอฟต์แวร์ CAD ในการออกแบบชิ้นส่วนและระบบเครื่องกล เพื่อความแม่นยำและรองรับการผลิตจริง
- สาขาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ทีม) (Cyber Security)
การป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ผู้เข้าแข่งขันทำงานเป็นทีมรับมือกับการโจมตีไซเบอร์
- สาขากราฟิกดีไซน์ (Graphic Design Technology)
การสร้างสรรค์งานออกแบบกราฟิกด้วยซอฟต์แวร์ เช่น การจัดวางองค์ประกอบภาพ ตัวอักษร และสีสัน เพื่อสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ
- สาขาไม้เครื่องเรือน (Cabinetmaking)
การผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ ตั้งแต่การออกแบบ ตัด ประกอบ และตกแต่ง ให้ได้ชิ้นงานที่มีความแข็งแรงและสวยงาม
- สาขาอุตสาหกรรม 4.0 (ทีม) (Industry 4.0)
การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล ออโตเมชัน และการวิเคราะห์ข้อมูล ในสภาพแวดล้อมการผลิตยุคใหม่
- สาขาการบำรุงรักษาเครื่องจักรกล CNC (ทีม) (CNC Maintenance)
การดูแล ตรวจสอบ และซ่อมบำรุงเครื่องจักร CNC ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตโลหะ เพื่อให้ทำงานได้แม่นยำต่อเนื่อง
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ไทยได้รับเลือกเป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญ (Chief Expert) ถึง 3 สาขา ได้แก่ เทคโนโลยีเว็บ เมคคาทรอนิกส์ และการปูกระเบื้อง รวมถึงรองหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญอีก 6 สาขา ได้แก่ หุ่นยนต์เคลื่อนที่ การดูแลรักษาเครื่องจักร CNC อุตสาหกรรม 4.0 การประกอบอาหาร การแต่งผม และการสร้างโมเดลในเกมสามมิติ
กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเดินหน้าสนับสนุนเต็มที่ทั้งก่อน-หลังการแข่งขัน
ภาครัฐให้การสนับสนุนการแข่งขัน 9 สาขา และกรมพัฒนาฝีมือแรงงานยังได้จัดตั้งกองทุนสนับสนุนเพิ่มเติมอีก 6 สาขา การคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความพร้อมของเยาวชน ผู้เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ และงบประมาณ
มากไปกว่านั้น ทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้สนับสนุน WorldSkills ASEAN Manila 2025 โดยจัดสัมมนาก่อนเก็บตัว ฝึกซ้อมภายใต้การกำกับดูแลของคณะอนุกรรมการ เยาวชนที่เข้าเก็บตัวได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 300 บาท และค่าที่พักหากต้องเก็บตัวต่างพื้นที่ กรมจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ และรับผิดชอบค่าเดินทางทั้งหมด ผู้ชนะเหรียญทองระดับอาเซียนจะได้รับการเสนอชื่อรับเครื่องราชฯ และผู้ชนะทุกคนได้เหรียญรางวัลพร้อมเกียรติบัตรจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นอกจากนี้ ยังมีรางวัลให้กับนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน แบ่งเป็น
ประเภททีม
- เหรียญทอง – 300,000 บาท
- เหรียญเงิน – 150,000 บาท
- เหรียญทองแดง – 80,000 บาท
- รางวัลชมเชย – 40,000 บาท
- เข้าร่วมการแข่งขัน – 20,000 บาท
ประเภทบุคคล
- เหรียญทอง – 150,000 บาท
- เหรียญเงิน – 75,000 บาท
- เหรียญทองแดง – 40,000 บาท
- เหรียญฝีมือยอดเยี่ยม – 20,000 บาท
- เข้าร่วมการแข่งขัน – 10,000 บาท
ภาคเอกชนร่วมมือบทบาทสนับสนุนแรงงานไทย
นอกจากภาครัฐและกรมพัฒนาฝีมือแรงงานแล้ว ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาท เช่น การสนับสนุนด้านวัสดุ เครื่องมือ หรือให้ใช้พื้นที่เป็นสถานที่เก็บตัวฝึกซ้อม หรืออำนวยการช่วยเหลือในการประสานงานต่างๆ ซึ่งช่วยให้การดำเนินงานของกรมเป็นไปอย่างราบรื่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น
- บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด เป็นพันธมิตร WorldSkills สนับสนุนการแข่งขันสาขาอุตสาหกรรม 4.0 (ทีม) ครอบคลุมผู้เข้าแข่งขัน ผู้เชี่ยวชาญ การฝึกซ้อม และการเดินทาง โดยผู้เชี่ยวชาญไทยในสาขานี้เป็นอดีตผู้เข้าแข่งขัน WorldSkills Lyon 2024 และพนักงานเด็นโซ่ ซึ่งจะลงแข่งในนามประเทศไทยอีกครั้งในปีนี้ ถือเป็นการสนับสนุนที่ต่อเนื่องและยั่งยืน
- วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา สนับสนุนการแข่งขันใน สาขาการบำรุงรักษาเครื่องจักรกล CNC (ทีม) โดยสนับสนุนในส่วนของผู้เข้าแข่งขัน ผู้เชี่ยวชาญ การฝึกซ้อม รวมถึงการเดินทางไปแข่งขัน
คุณค่าที่ไม่ได้มีแค่เหรียญ แต่คือโอกาสและอนาคตที่เปิดกว้าง
จาก 17 สาขาที่เข้าร่วมการแข่งขัน ประเทศไทยให้ความสำคัญและคาดหวังว่าจะสามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาได้ทุกสาขา โดยเฉพาะสาขาที่เคยทำผลงานยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ ได้แก่ เมคคาทรอนิกส์ (ทีม) การบริการอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรม 4.0 (ทีม) นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ส่งเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันในสาขาใหม่เป็นครั้งแรกคือ ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (ทีม) ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนไทยจะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และประเมินฝีมือกับนานาชาติจากการแข่งขันจริง
อย่างไรก็ตาม เดชา เน้นย้ำว่าคุณค่าของการเข้าร่วมการแข่งขัน WorldSkills ASEAN ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงเหรียญรางวัลที่ได้รับเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือโอกาสและอนาคตที่เปิดกว้างสำหรับเยาวชนทุกคนที่ได้เข้าร่วม
“แม้ไม่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ แต่การได้เข้าร่วมการแข่งขันก็ถือเป็นความสำเร็จ และมีโอกาสในการทำงานที่ดีรออยู่ เนื่องจากความสามารถที่ผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัดและภูมิภาคจนเป็นตัวแทนประเทศไทยนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของแรงงานไทยขั้นสูงแล้ว”
การที่เยาวชนคนหนึ่งสามารถผ่านกระบวนการคัดเลือกที่เข้มข้นมาจนถึงระดับประเทศได้นั้น ถือเป็นเครื่องหมายการันตีในทักษะและความสามารถที่เหนือกว่าคนอื่น ซึ่งผู้ประกอบการต่างมองเห็นคุณค่าในตัวของพวกเขา
วิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลสู่คุณภาพชีวิตแรงงานไทยที่ดีขึ้น
กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีหน้าที่ส่งเสริมและพัฒนาฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานสากล สอดคล้องกับตลาดแรงงาน การแข่งขันฝีมือแรงงานเป็นภารกิจสำคัญ ที่ช่วยให้เยาวชนได้พัฒนาฝีมือ และผู้บริหารได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก เพื่อนำมาพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมและการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานในอนาคต ประสบการณ์จากการแข่งขันยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้เยาวชนรุ่นหลังและกระตุ้นการพัฒนาทักษะฝีมือให้ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้ ตลอดการทำงานของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยให้ดีขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มพูนทักษะเพื่อเพิ่มรายได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างความสุขและความมั่นคงในชีวิตด้วยเช่นกัน โดยอธิบดีได้กล่าวถึงแนวคิดที่ลึกซึ้งนี้ว่า
“บางครั้งผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้มีเพียงเรื่องรายได้ แต่การทำให้แรงงานและคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีชีวิตที่มีความสุขและยืนยาว ก็ถือกรมฯได้บรรลุเป้าหมายที่ว่าได้เพียงพอแล้ว”
สารจากกรมฯถึงเยาวชน กับการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์สูงสุด
อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเน้นย้ำถึงคุณค่าของแรงงานฝีมือต่อผู้ประกอบการ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพ ลดต้นทุน และประหยัดเวลา พร้อมให้ข้อคิดแก่เยาวชนไทย โดยเปรียบเทียบคนกับโทรศัพท์มือถือ
“บุคคลย่อมมีมูลค่าในตนเอง ตัวอย่างเช่น การเลือกโทรศัพท์มือถือที่เราเชื่อมั่นและเจาะจงแบรนด์หนึ่ง เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีความเชื่อมั่นในแบรนด์นั้น มนุษย์และแรงงานไทยก็เช่นกัน เราสามารถพัฒนาทักษะจนเกิดเป็นคุณค่าที่ต้องการในอุตสาหกรรมและสังคม”
และเน้นย้ำว่าทุกคนต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม “คุณค่า” ในตัวเอง และใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ขอฝากไว้ว่า บุคลากรย่อมมีมูลค่าที่แตกต่างกัน จะต้องอุตสาหะที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มคุณค่าในตนเองให้มากขึ้น โอกาสในการพัฒนาตนเองในยุคปัจจุบันมีมากกว่าในอดีตมาก เนื่องจากขณะนี้เป็นยุคของเทคโนโลยีอย่างแท้จริง สามารถนำมาปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มโอกาสให้มากขึ้น จึงไม่ควรหยุดยั้งที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านเทคโนโลยี” เดชา พฤกษ์พัฒนรักษ์ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวปิดท้ายกับ THE STANDARD