วันนี้ (13 มิถุนายน) อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เริ่มนโยบายการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2664 เป็นต้นมานั้น ในช่วงวันที่ 7-12 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนทั่วประเทศจำนวน 1,865,190 โดส และตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์-12 มิถุนายน 2564 มีการฉีดสะสมแล้วรวมทั้งสิ้น 6,081,242 โดส แยกเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 4,456,786 ราย และผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 1,624,456 ราย ส่งผลให้ปัจจุบันไทยมียอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 สะสมเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน และเป็นไปตามเป้าหมายของแผนการฉีดวัคซีนสำหรับประชากรไทยในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา แม้จะมียอดฉีดสะสมทะลุ 6 ล้านโดส แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสถิติสูงสุดที่ทำได้คือเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ฉีดวัคซีนรวมกว่า 472,128 เข็ม แต่จากนั้นก็เริ่มลดลง จนล่าสุดเมื่อวานนี้ลดลงเหลือ 108,204 โดส ท่ามกลางการประกาศขอเลื่อนฉีดวัคซีนของหลายโรงพยาบาลเนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีน AstraZeneca
ขณะที่ยอดฉีดวัคซีนของไทยเมื่อเทียบกับประเทศกลุ่มอาเซียน เมื่อคิดตามสัดส่วนประชากร ไทยมีผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกอยู่อันดับที่ 7 ของกลุ่มประเทศอาเซียน ต่ำกว่าประเทศกัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย และบรูไน ส่วนสิงคโปร์คือประเทศที่ฉีดวัคซีนเข็กแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 42.5%
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ