วันนี้ (27 พฤศจิกายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 (ศบค.) ว่าเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีได้ติดตามความก้าวหน้าการวิจัยวัคซีนในประเทศไทย ซึ่งได้รับการรายงานว่าขณะนี้ทั้ง 4 วัคซีนกำลังอยู่ในขั้นทดสอบในมนุษย์ และได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาเป็นระยะ รวมวงเงิน 4.8 พันล้านบาท กล่าวคือ
วัคซีน NDV-HXP-S
- พัฒนาโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล
- งบประมาณจากรัฐบาลผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) แล้ว 45.88 ล้านบาท
- ทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 แล้วตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนธันวาคม 2564 อยู่ระหว่างทำคำของบประมาณเพื่อรับการสนับสนุนสำหรับการทดสอบระยะที่ 3
วัคซีน ChulaCov19
- พัฒนาโดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- งบประมาณจากรัฐบาลผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (สวช.) จำนวน 375 ล้านบาท
- ทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 2 เริ่มเดือนสิงหาคม 2564 คาดว่าจะทราบผลภายในเดือนธันวาคม 2564 และสำหรับการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3
- การผลิตเพื่อขึ้นทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในภาวะฉุกเฉิน ครม. ได้อนุมัติงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ กรอบวงเงิน 2,316 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax
- พัฒนาโดยบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รับงบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 160 ล้านบาท ในช่วงต้น
- อยู่ในช่วงทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564
- ครม. ได้อนุมัติกรอบวงเงิน 1,309 ล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนในส่วนของการทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 3 ด้วย
วัคซีนโควิเจน
- พัฒนาโดยบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย
- งบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 650 ล้านบาท
- ทำการสอบในมนุษย์ระยะที่ 1 แล้วตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2564 เพื่อศึกษาความปลอดภัยและการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการทดสอบในระยะที่ 2