ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงินให้เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น หวังเบียดสิงคโปร์, ฮ่องกง และดูไบ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ในภูมิภาค พร้อมเตรียมร่างกฎหมายใหม่ดึงดูดต่างชาติในธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย
วันนี้ (19 กรกฎาคม) เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในคำปาฐกถาว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Ignite Finance’ ไทยเตรียมจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น และเตรียมร่าง ‘กฎหมายธุรกิจการเงิน’ ฉบับใหม่ เพื่อเสนอตัวเป็นคู่แข่งกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์, ฮ่องกง และดูไบ เพื่อขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินโลก (Thailand Financial Center)
เผ่าภูมิกล่าวอีกว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Ignite Finance จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย ผ่าน 3 กุญแจสำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมายธุรกิจการเงินใหม่, การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ใหม่ และการปรับปรุง Ecosystem ใหม่
กุญแจดอกที่ 1: กฎหมายที่พร้อมรับอนาคต: ภาครัฐจะผลักดันร่างกฎหมายที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ผู้ประกอบธุรกิจ
กุญแจดอกที่ 2: สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่: ตัวอย่างเช่น การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากรและวีซ่าที่เกี่ยวข้องของครอบครัว, การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น และโครงการเพิ่มแรงจูงใจอื่นๆ เช่น เงินสนับสนุน (Grant)
กุญแจดอกที่ 3: ระบบนิเวศแห่งอนาคต: จะพัฒนากรอบกฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใสที่จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำธุรกิจทางการเงิน เหมือนที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนธุรกิจและคุณภาพชีวิตของบุคลากร
“ประเทศไทยหายไปจากเรดาร์การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ในระบบโลกาภิวัตน์ (Globalization) ทุกประเทศแย่งกันดึงดูดเม็ดเงิน วันนี้เราจึงต้องการสร้างเครื่องมือนี้ (กฎหมายธุรกิจการเงิน) ในการดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ” เผ่าภูมิกล่าว
ไทยเล็งลดภาษีให้เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น
ในช่วงถาม-ตอบ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไทยจำเป็นต้องลดภาษีลงมาให้เท่ากับสิงคโปร์หรือไม่ เผ่าภูมิตอบว่า เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีจำเป็นต้องแข่งกับสิงคโปร์ แต่การแข่งขันสามารถทำได้หลายรูปแบบ
ขณะที่ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ตอบคำถามในเชิงหลักการ โดยระบุว่า ถ้าอัตราภาษีของไทยยังสูงกว่าสิงคโปร์ก็แข่งขันได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าไทยต้องการอะไร หากต้องการสูสีก็เพียงแค่ต้องปรับลดอัตราภาษีต่างๆ มาให้ใกล้เคียงกับสิงคโปร์ แต่หากไทยต้องการได้เปรียบก็อาจต้องลดอัตราภาษีลงมาให้ต่ำกว่า
ตามการรวบรวมข้อมูลของ THE STANDARD WEALTH พบว่า ไทยค่อนข้างมีอัตราภาษีที่สูงกว่าศูนย์กลางการเงินอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงสิงคโปร์และดูไบ