เผ่าภูมิฟันธง เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น เผยกระทรวงการคลังคาดการณ์ GDP ไตรมาส 1 ปีนี้โต 3.4% สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส
เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อในช่วงเช้าวันนี้ (5 มีนาคม) ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นประเทศไทยคือราคาไม่ได้สะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจจริง ในระยะสั้นมีปัจจัยทางด้านความคาดหวัง อารมณ์ และการเก็งกำไรมากมาย แต่ในระยะยาวราคาของตลาดหุ้นจะสะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจจริง
“สิ่งที่เราต้องมองทิศทางเศรษฐกิจ เราอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง ตอบฟันธงตรงนี้เลย เศรษฐกิจประเทศไทยอยู่ในขาขึ้น”
ถ้ากลับไปดูตัวเลขการเติบโตของ GDP ปี 2567 จะเห็นว่า
ไตรมาสที่ 1 เติบโต 1.7%
ไตรมาสที่ 2 เติบโต 2.3%
ไตรมาสที่ 3 เติบโต 3.0%
ไตรมาสที่ 4 เติบโต 3.2%
สำหรับ GDP ไตรมาสที่ 4 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส และการลงทุนภาครัฐโตสูงสุดในรอบ 36 ไตรมาส ขณะที่ภาคส่งออกสูงสุดรอบ 11 ไตรมาส ภาคบริการสูงสุดรอบ 7 ไตรมาส ภาคการก่อสร้างเติบโตสูงสุดรอบ 36 ไตรมาส เป็นต้น
และไตรมาส 1 ของปี 2568 คาดการณ์โดยกระทรวงการคลังว่าจะเติบโต 3.4% ถือเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส
นอกจากนี้ จากประเด็นที่เผ่าภูมิให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่า “คนที่ฉลาดจะมองพื้นฐานทางเศรษฐกิจและจะมองสิ่งนี้เป็นโอกาส ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้”
ล่าสุด เผ่าภูมิได้กล่าวขอโทษในประเด็นนี้ว่า “ถ้าสร้างความไม่พึงพอใจอะไร ต้องขออภัย เนื่องจากการสัมภาษณ์กับเจตนารมณ์ไม่ตรงกัน ก็ต้องขออธิบายว่าเจตนารมณ์คืออะไร คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในมิติทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้น”
ขณะที่ตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนี SET กลับมาสู่ระดับ 1,200 จุด อีกครั้ง โดยช่วงเวลาประมาณ 15.15 น. ดัชนีปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,203 จุด เพิ่มขึ้น 25 จุด จากวันก่อนหน้า หลังจากที่ดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ 1,273.13 จุด เมื่อวานนี้
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ในส่วนของเมื่อวานนี้ดัชนี SET ปรับตัวลงต่อและปิดที่ระดับ 1,177 จุด ซึ่งตรงกับระดับแนวรับแรกของเราประจำเดือนมีนาคม ทั้งนี้จากการตรวจสอบคาดการณ์ Book value per share ประจำปีนี้ของ Consensus ล่าสุด ยังคงอยู่ที่ 1041.4 บาทต่อหุ้น แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ดังนั้นเมื่อมาคูณกับตัวคูณ Forward P/BV ที่เคยเป็นจุดต่ำสุดในช่วงโควิด ซึ่งอยู่ที่ 1.13 เท่า จะได้ระดับ Implied SET Index อยู่ที่ 1,177 จุดเช่นเดิม
ด้วยเหตุนี้ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำให้ผู้ที่ได้เข้าเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยไปแล้วที่บริเวณดังกล่าวเมื่อวานนี้ สามารถถือครองหุ้นไว้ก่อน โดยกลุ่มหุ้นที่เราแนะนำให้ถือครองต่อไป ยังคงได้แก่ กลุ่มอิงกับการบริโภคในประเทศ เช่น CPALL, CPAXT, HMPRO, AP, SPALI, TIDLOR, VGI และกลุ่ม Defensive เช่น BDMS, LHHOTEL, 3BBIF เป็นสำคัญ
