ประเทศไทยมีของดีของเด่นในแต่ละท้องถิ่น และในแต่ละชุมชนอยู่มากมาย ทว่าน่าเสียดายที่ผู้ผลิตรายย่อยในระดับท้องถิ่นยังคงขาดทั้งความรู้ โอกาส และความสามารถในการจัดการ ทำให้สินค้าท้องถิ่นดีๆ เหล่านี้ไม่เป็นที่รู้จัก และไปไม่ไกลเท่าที่ควร แต่ THE STANDARD คิดว่ามีโครงการหนึ่งที่เจ๋งและชาญฉลาดมากๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยสนับสนุนในเรื่องนี้ ใช่แล้ว…เรากำลังพูดถึงโครงการ ‘ไทยเด็ด’ โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ PTTOR ที่เปิดพื้นที่สร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด ‘Living Community’ ของปั๊มน้ำมัน PTT Station ให้เป็นศูนย์กลางในการกระจายจำหน่ายสินค้าชุมชน เพื่อเป็นการสนับสนุนแบรนด์ท้องถิ่น ช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตลอดจนช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังต่างประเทศต่อไปในอนาคตอีกด้วย 

 

PTT Living Community

สถานีสร้างสุข 

 

ด้วยความตั้งใจอันดีของ PTT Station ที่มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม  ไม่ได้เป็นแค่สถานีบริการน้ำมันเพียงเท่านั้น ทว่าอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มความสุขให้กับทุกคนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางหรือคนในชุมชน จึงได้เกิดแนวคิด ‘Living Community’ หรือ ‘สถานีสร้างสุข’ ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่ให้บริการผู้ใช้รถได้แวะมาเติมน้ำมันแล้ว ยังเป็นจุดพักผ่อนที่ให้ทั้งความสะดวกสบาย ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยในทุกช่วงเวลาแห่งการเดินทาง มากไปกว่านั้นยังแบ่งปันพื้นที่อย่างสร้างสรรค์ เพื่อร่วมเป็นอีกแรง และเป็นสื่อกลางที่จะนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นอันน่าภาคภูมิใจ สู่สายตาของสาธารณะชน โดยเฉพาะเหล่านักเดินทาง ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็ง มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนในชุมชนได้อย่างเป็นจริงและยั่งยืนอีกด้วย ทั้งหมดดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเห็นพื้นที่ ซึ่งไม่เคยมีอยู่ในสถานีบริการน้ำมันอื่นๆ แต่สามารถพบเห็นได้ที่ PTT Station เช่น ห้องละหมาด ที่ ปตท. เชียงคาน ลานอเนกประสงค์ ห้องสมุดประชาชน รวมถึงโครงการ ‘ไทยเด็ด’ ทั้งในรูปแบบของมุมสินค้า ตลาดไทยเด็ด และ ตู้ ปณ. ไทยเด็ด ตามปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ร่วมโครงการ 

 

ไทยเด็ด…รวมทุกสินค้าท้องถิ่นของไทยที่ทั้งเด่นและเด็ดจริง 

 

 

เพื่อเป็นการสนับสนุนช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ PTTOR จึงได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ SME Bank และกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันคัดเลือกผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่เป็นของดีของเด่นประจำท้องถิ่นต่างๆ มาจำหน่ายในสถานีบริการ PTT Station โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ว่า ‘ไทยเด็ด’ เพื่อให้เกิดการจดจำและรับรู้ ซึ่งคำว่า ‘เด็ด’ นั้นเป็นคำอุทานของคนไทย หมายถึงถูกใจ ชอบใจ ถึงใจ ‘ไทยเด็ด’ จึงเป็นคำที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของไทย อันเป็นของเด่นของดีทั่วท้องถิ่นไทย ที่โดนใจชวนให้เลือกซื้อไปกินไปใช้ หรือเป็นของฝาก 

 

ข้อดีของโครงการไทยเด็ด นอกจากจะเป็นการสนับสนุนช่องทางการจำหน่าย และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนด้วยองค์ความรู้ เป็นการต่อยอดมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นแล้ว ยังได้เอื้อให้เกิดการจ้างงาน และสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้แก่คนในชุมชนที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ตั้งอยู่โดยรอบอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นโมเดลที่ทั้งชาญฉลาด และช่วยคนท้องถิ่นได้จริง เพราะมีปั๊มน้ำมัน ปตท. จำนวนมากตั้งอยู่ทั่วประเทศไทยเลยทีเดียว ทั้งนี้ โครงการไทยเด็ดประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังต่อไปนี้

 

1. มุมสินค้าไทยเด็ด ในสถานีบริการ PTT Station ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนในแต่ละท้องถิ่น จะมีโอกาสนำเสนอผลิตภัณฑ์โดยตรงให้กับผู้ประกอบการสถานีบริการ PTT Station ที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านการจัดงาน ‘ไทยเด็ด Matching Day’ โดยปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เข้าร่วมโครงการแล้วถึง 110 สถานี

 

 

2. ตลาดไทยเด็ด จัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งในสถานีบริการ PTT Station เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนในท้องถิ่นต่างๆ โดยคัดเลือกสินค้าเกษตร อาหาร หรือสินค้าหัตถกรรมงานฝีมือ ที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นโดยรอบสถานีฯ มาจำหน่ายในพื้นที่ที่จัดสรรไว้ พร้อมทั้งออกแบบตกแต่งสถานที่ด้วยเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อความสวยงาม และดึงดูดผู้ใช้บริการให้เข้าไปเลือกซื้อสินค้า 

 

 

3. ตู้ ปณ. ไทยเด็ด ซึ่งร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชน มาจำหน่ายผ่านจุดบริการ ณ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station โดยใช้ระบบของไปรษณีย์ไทย ในการบริหารจัดการการจำหน่าย และกระจายสินค้า ทั้งในลักษณะซื้อสินค้าที่มีจำหน่ายในจุดบริการ หรือเลือกซื้อสินค้าจากระบบอีคอมเมิร์ซของไปรษณีย์ไทย และให้ไปรษณีย์ไทยส่งสินค้าถึงบ้าน โดยจุดบริการ ณ สถานีบริการ PTT Station ปัจจุบันมีร้าน ตู้ ปณ. ไทยเด็ด ต้นแบบ 2 สาขา ได้แก่ ที่สถานีบริการ PTT Station สาขาบางบ่อ และสถานีบริการ PTT Station สาขากิ่งแก้ว

 

ผัดไทยภูเขาไฟ กระเทียมดำ และกระจูด

ตัวอย่างสุดยอดสินค้า ‘ไทยเด็ด’

 

สินค้า ‘ไทยเด็ด’ ที่เด่นและโดนใจนั้นมีมากมายหลายอย่าง ส่วนที่ THE STANDARD ขอยกมาเป็นไฮไลต์ให้เห็นกันก็คือ ผัดไทยภูเขาไฟ จากจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งใช้เส้นผัดไทยซึ่งผลิตจากข้าวที่ปลูกบนดินภูเขาไฟอายุนับล้านปี ที่มีอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ถึง 6 ลูก มีคุณค่าทางอาหารสูง ใช้ส้มซ่าแทนมะนาว ซึ่งช่วยให้รสชาติยิ่งมีเอกลักษณ์ ทั้งวัตถุดิบอื่นๆ ก็ล้วนมาจาก 8 อำเภอ ในจังหวัดบุรีรัมย์ เช่น อำเภอประโคนชัย ที่ปลูกหอมแดงและกระเทียม เป็นต้น ด้วยคุณภาพคู่ความอร่อย ทำให้ผัดไทยภูเขาไฟ ถือเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว 

 

ผัดไทยภูเขาไฟ 

สินค้า ‘ไทยเด็ด’ จากบุรีรัมย์

 

สินค้า ‘ไทยเด็ด’ ที่เด็ดมากอีกอย่างหนึ่ง คือ B-Garlic (กระเทียมดำ) จากจังหวัดลำพูน ที่ว่าดีและเด็ดนักหนา ก็เพราะกระเทียมดำนั้นมีสารสำคัญที่มีประโยชน์สูงถึง 13 เท่าของกระเทียมสดเลยทีเดียว โดยมีผลงานวิจัยการันตี ว่าช่วยลดทั้งความดัน คอเลสเตอรอล เบาหวาน และกรดไหลย้อนได้ชะงัดนัก ทั้งนี้สินค้าเกษตรกรแปรรูปชนิดนี้ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือตอนบน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน

 

 

B-Garlic (กระเทียมดำ) 

สินค้าเกษตรแปรรูป ‘ไทยเด็ด’ จากลำพูน

 

ด้านสินค้าหัตถกรรมไทยก็มีผลิตภัณฑ์ที่ทั้งเด่นและเด็ดไม่แพ้ชาติใดในโลก โดยสินค้าที่ได้รับเลือกจากโครงการ ‘ไทยเด็ด’ คือ กระเป๋าจากกระจูด จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเข้าใจคิด เปลี่ยนการสานเสื่อ สานพัดธรรมดา ให้กลายมาเป็นกระเป๋าดีไซน์ร่วมสมัยสุดเก๋ แถมคุณภาพดี เรียกว่าเด็ดจริง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

 

กระเป๋ากระจูด 

หัตถกรรม ‘ไทยเด็ด’ นครศรีธรรมราช

 

ทั้ง ผัดไทยภูเขาไฟ กระเทียมดำ และกระจูด เป็นเพียงสินค้าส่วนหนึ่งในโครงการดีๆ อย่าง ‘ไทยเด็ด’ ที่จะช่วยกระจายรายได้ให้กับพี่น้องชาวไทยในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง ทั้งยังช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง และสังคมไทยของเรายั่งยืน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหนทั่วไทย และหากมีโอกาสได้แวะที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ร่วมโครงการ ก็อย่าลืมแวะชมสินค้าไทยเด็ดในแต่ละแห่งกันด้วยละ รับรองว่าของเขาเด็ดจริง แต่ที่เด็ดยิ่งไปกว่านั้นคือ สายสัมพันธ์อันอบอุ่นของคนไทย ที่จะช่วยเหลือกันได้โดยอุดหนุนกันผ่านสินค้า ‘ไทยเด็ด’ นี่แหละ

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์