วันนี้ (22 ธันวาคม) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี พัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อวางมาตรการรองรับสถานการณ์ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น
นพ.เอกชัย เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงระดับการเฝ้าระวังใน 7 จังหวัดชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดสระแก้วที่ได้ยกระดับความพร้อมรองรับสถานการณ์ขั้นสูงสุด
สำหรับภาพรวมสถานพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง ขณะนี้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้บางส่วน แต่ยังคงมีโรงพยาบาลที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราวรวม 10 แห่ง ประกอบด้วย:
- จ.อุบลราชธานี: รพ.น้ำยืน
- จ.ศรีสะเกษ: รพ.กันทรลักษ์ และ รพ.ภูสิงห์
- จ.สุรินทร์: รพ.กาบเชิง และ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ
- จ.บุรีรัมย์: รพ.บ้านกรวด
- จ.สระแก้ว: รพ.ตาพระยา, รพ.โคกสูง, รพ.คลองหาด และ รพ.อรัญประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ยังคงปิดให้บริการอีกจำนวน 180 แห่ง
ปัจจุบันมีศูนย์พักพิงเปิดให้บริการรวม 848 จุด รองรับประชาชน 167,395 คน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบางกว่า 5 หมื่นคน มาตรการสำคัญที่กระทรวงฯ เร่งดำเนินการคือการควบคุมโรคติดเชื้อทางเดินอาหาร เนื่องจากพบปัจจัยเสี่ยงจากอาหารค้างมื้อและน้ำอุปโภคบริโภคที่มีการปนเปื้อน พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้เร่งสำรวจและจัดทำทะเบียนเด็กอายุ 9 เดือนถึงต่ำกว่า 5 ปี ในศูนย์พักพิงที่ไม่เคยมีประวัติการรับวัคซีน เพื่อเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมและทั่วถึงโดยเร็วที่สุด
ในส่วนของการดูแลสุขภาพจิต มีการคัดกรองเชิงรุกในประชาชนกว่า 2 แสนราย พบผู้ที่มีสภาวะเครียดสูงสะสม 1,494 ราย และกลุ่มเสี่ยงทำร้ายตนเอง 286 ราย ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานอย่างหนัก ตรวจพบความเครียดสูงสะสม 595 ราย ซึ่งทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลทางจิตใจและอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดจนกว่าจะกลับสู่สภาวะปกติ
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขย้ำในตอนท้ายว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้ดูแลสุขภาพจิตของครอบครัวและญาติของทหารที่เสียสละชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ทุกรายอย่างดีที่สุด เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้


