วันนี้ (10 เมษายน) เว็บไซต์ IQAir เว็บไซต์จัดอันดับคุณภาพอากาศทั่วโลก รายงานในช่วงเวลา 09.00 น. ว่ากรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย มีคุณภาพอากาศแย่เป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากปากีสถาน, อินเดีย และปักกิ่ง
ขณะที่ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานของศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) ประกาศแจ้งเตือน PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2565 พบว่า สถานการณ์ PM2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ สรุปได้ดังนี้
- ภาคเหนือ ตรวจวัดได้ 43-114ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตรวจวัดได้ 43-94 มคก./ลบ.ม.
- ภาคกลางและตะวันตก ตรวจวัดได้ 49-78 มคก./ลบ.ม.
- ภาคตะวันออก ตรวจวัดได้ 43-54 มคก./ลบ.ม.
- ภาคใต้ ตรวจวัดได้ 10-17 มคก./ลบ.ม.
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. ตรวจวัดได้ 38-105 มคก./ลบ.ม.
ธนกรกล่าวว่า การเพิ่มสูงขึ้นของค่า PM2.5 มีสาเหตุจากแหล่งกำเนิดในพื้นที่ รวมถึงพบจุดความร้อนที่กระจายตัวอยู่ ทั้งในประเทศและประเทศอนุภูมิภาคแม่โขง ได้แก่ สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา ประกอบกับสภาพอุตุนิยมวิทยาไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นในพื้นที่ ประกอบกับสภาพอากาศที่นิ่ง การยกตัวของมวลอากาศต่ำ หากจุดความร้อนมีจำนวนมากอาจส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นละอองสูงขึ้น
ทั้งนี้ ศกพ. คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 พบว่าในช่วงตั้งแต่วันที่ 9-11 เมษายน 2565 ควรมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ และหลังวันที่ 11 เมษายน 2565 สถานการณ์ฝุ่นละอองจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งลดลงรวมถึงการยกตัวของมวลอากาศสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามต้องดำเนินการควบคุมจุดความร้อนทั้งภายในและภายนอกประเทศควบคู่ไปด้วยกัน
“นายกรัฐมนตรีห่วงใยสุขภาพประชาชนในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคประจำตัว ให้ระมัดระวังและดูแลเป็นพิเศษ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด งดกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง และหากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน” ธนกรกล่าว